หลังจากการประกาศการมาถึงของโมเดลสุดท้าย NSX Type S เมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุด Honda ก็ได้เห็นหน้าในการผลิตตัวรถจำนวน 350 คันสุดท้ายอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะมีการแบ่งการทำตลาด 30 คันในประเทศญี่ปุ่น 20 ในตลาดเอเชีย และ 300 คันในตลาดอเมริกา และยุโรป
[adsforwp id=”1302″]
โดยการผลิตครั้งสุดท้ายนี้จะใช้โรงงาน Performance Manufacturing Center (PMC) ในเมือง Marysville รัฐ Ohio ในสหรัฐ เป็นโรงงานผลิต ซึ่งใช้เป็นโรงงานหลักในการผลิต NSX ที่จำหน่ายไปทั่วโลก มาตั้งแต่ปี 1993 โดยประธานเจ้าหน้าที่ของโรงงาน PMC ได้กล่าวผ่านสื่อไว้ว่า
“”PMC เป็นฐานการผลิตทั่วโลกของ NSX เรามุ่งมั่นที่จะประสานฝีมือของวิศวกรที่มีทักษะกับเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่เป็นนวัตกรรมใหม่ PMC มีอุปกรณ์การผลิตที่เหมาะสำหรับการผลิตรุ่นซูเปอร์สปอร์ตอย่าง NSX โดยมีพนักงานประมาณ 100 คนทำงานร่วมกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ขั้นสูงในแต่ละกระบวนการเพื่อให้ได้คุณภาพและฝีมือในระดับสูง มีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงมากมายและมีการจดสิทธิบัตรจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา”
[adsforwp id=”1302″]
โดยตัวรถ Honda NSX Type S นั้นจะมีการติดตั้งเครื่องยนต์ Sports Hybrid SH-AWDซึ่งเป็นระบบไฮบริด 3 มอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยแบ่งเป็นสองตัวที่ด้านหน้า และหนึ่งตัวที่ด้านหลัง ซึ่งรวมเข้ากับระบบส่งกำลังแบบ DCT 9 สปีด มันจะเป็นไฮบริดไฟฟ้า 4WD ที่ช่วยให้เวคเตอร์แรงบิดที่ควบคุมแรงขับเคลื่อนของล้อทั้งสี่ได้อย่างอิสระโดยใช้มอเตอร์อิสระสองตัวที่ด้านซ้ายและด้านขวาของล้อหน้า
เครื่องยนต์เบนซิน ทวินเทอร์โบ แบบ 6 สูบ 3.5 ลิตร V-type ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ ระบบฉีดเชื้อเพลิงที่พัฒนาขึ้นใหม่ช่วยให้อัตราการไหลของน้ำมันเบนซินสูงขึ้น 25% อินเตอร์คูลเลอร์ที่ออกแบบใหม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนขึ้น 15% เทอร์โบชาร์จเจอร์ใหม่ ซึ่งใช้ร่วมกับรถแข่ง NSX GT3 Evo ได้เพิ่มแรงดันบูสต์สูงสุดจาก 15.2 psi เป็น 16.1 psi อีก 5.6% เป็นผลให้กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า (hp) จาก 500 แรงม้า เป็น 520 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดยังเพิ่มขึ้น 5.2 kgm จาก 56.1 kgm เป็น 61.3 kgm
ในระบบไฮบริดทั้งหมด กำลังจะสูงถึง 600 แรงม้า ซึ่งสรุปได้ว่ากำลังสูงสุดทั้งหมดของตัวรถนั้น จะเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพานิชย์ของ Honda และ Acuna ที่มีกำลังมากที่สุด อัตราทดเกียร์ของ “Twin Motor Unit (TMU)” ซึ่งให้กำลังแก่ล้อหน้าและช่วยให้เกิดแรงบิดแบบแอคทีฟเวคเตอร์ในมุมต่างๆ ได้ ลดลงจาก 8.050: 1 เป็น 10.382: 1 อัตราทดเกียร์ที่ต่ำลง 20% นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งความเร็วที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม
จำนวนการผลิต 350 คันนในครั้งนี้ มีผู้จับจองเป็นเจ้าของครบแล้ว โดยการเริ่มต้นการผลิต Honda และ Acuna NSX Type S นั้นเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา และจะทยอยทำการทดสอบก่อนการจัดส่วนล็อตแรกในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ก่อนจะส่งมอบตัวรถแก่ผู้ซื้อทั้ง 350 คันภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 นี้
Credit : spyder7.com
[adsforwp id=”1302″]