เปิดตัวครั้งแรกภายใต้คอนเซปต์จิ๋วแต่แจ๋ว สำหรับรถยนต์ WGN ขนาดเล็กอย่าง Honda Freed ตั้งแต่ปี 2008 จนกระทั่งได้ขยับขึ้นเป็นรถ Production ครั้งแรกในปีเดียวกัน จนกระทั่งการอัพเดทครั้งล่าสุดนั้นเกิดขึ้นในปี 2016 ซึ่งพอนับอายุไขของโมเดลแล้ว ก็น่าจะถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งล่าสุดสื่อจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Spyder7 เองก็ออกมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในโมเดลเจนเนอเรชั่นที่ 3 ว่าจะมาในทิศทางใด
[adsforwp id=”1302″]
2008 Honda Freed
สำหรับ Honda Freed นั้น ที่มาของชื่อรุ่นเกิดจากการผสมคำสองคำ ระหว่างคำว่า Freedom และ Do โดยเป็นการปรากฎตัวต่อจาก Honda Mobilio ในปี 2008 โดยตัวรถจะถูกออกแบบให้เป็นรถ WGN ขนาดเล็กที่ปรับให้เข้ากับการใช้งานของญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่กลับได้รับความนิยมเป็นวงกว้างในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ที่เคยนำมาการจำหน่ายในช่วงปี 2009-2018 ซึ่งปัจจุบันยังสามารถหาตัวรถในสภาพมือสอง พร้อมใช้งานได้ตามเต๊นท์รถทั่วๆไป
2020 Honda Freed
น่าเสียดายที่ Honda Freed นั้นไม่ได้ไปต่อในการจำหน่ายในประเทศไทย แต่ทาง Honda เองยังคงมีการผลิตโมเดล Freed สำหรับตลาดประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงไต้หวันและประเทศจีน ซึ่งมีการพัฒนาต่อเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2016 และยังคงผลิตมาจนถึงปัจจุบัน
[adsforwp id=”1302″]
2023 Honda Freed เรนเดอร์โดย Spyder7
โดยทางสื่อยานยนต์ชื่อดัง Spyder7 ก็มีการคาดเดาว่า Honda เองน่าจะมีการพัฒนา Freed สู่เจนเนอเรชั่นที่ 3 ภายในปี 2023 นี้ และได้ทำการเรนเดอร์ภาพร่างอย่างไม่เป็นทางการของตัวรถออกมาให้เราได้เห็นกัน โดยจะยังคงรูปแบบของตัวรถ WGN ขนาดเล็ก ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง โดยจะยังคงมีทั้งแบบ ที่นั่ง 3 แถว สำหรับ 7 ที่นั่ง และ เบาะนั่งแบบ 2 แถวสำหรับ 5 ที่นั่ง ซึ่งคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากโมเดลปัจจุบัน
สิ่งที่น่าจะเพิ่มเติมเข้ามาก็คือรูปแบบของงานดีไซน์ที่จะมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย โดยที่เสา A เอียงเล็กน้อย หน้าต่างด้านลำตัวมีขนาดใหญ่ซึ่งจะแสดงขนาดของพื้นที่ใช้สอยได้อย่างชัดเจน งานออกแบบส่วนหน้าจะมีการผสมระหว่าง Fit และ Vezel ที่สะท้อนความเรียบง่ายในสไตล์ Minimalost
ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น คาดว่าทางค่ายปีกนกจะใช้งานเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 ลูกสูบ ให้กำลัง 98 แรงม้า (PS) พร้อมกับมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า e:HEV 2 ชุด ซึ่งจะส่งกำลัง 110 แรงม้า (PS) ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและสมรรถนะการขับขี่จะพัฒนาจาก i-DCD รุ่นก่อน
แน่นอนว่ายุคสมัยนี้เป็นเรื่องของการเชื่อมต่อแบบไร้รอบต่อ Honda น่าจะจับเอาระบบ Honda CONNECT ที่มีความเข้ากันกับ “Apple CarPlay” และ “Android Auto” พร้อมติดตั้ง Honda Sensing รุ่นล่าสุดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยมีกล้องหน้ามุมกว้างรวมกับเซ็นเซอร์โซนาร์ 8 ตัว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมาก พร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ทันสมัยมากมายบนตัวรถ
คาดว่า Honda จะเปิดตัว Freed รุ่นที่สาม ในช่วงปลายปี 2022 และจะจำหน่ายตัวรถในช่วงต้นปี 2023 โดยมีตลาดหลักเป็นประเทศญี่ปุ่น ส่วนประเทศไทยนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยแผนงาน ณ ตอนนี้ ซึ่งเราจะรู้กันก็ตอนที่ตัวรถเปิดตัวจริงออกมา หรือผ่านแผนงานประจำปีของทางค่าย
Credit : spyder7.com
[adsforwp id=”1302″]