แม้ว่าจะยกเลิกแผนงานความร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ที่เน้นราคาประหยัดกับ GM ไป แต่ดูเหมือนว่า Honda จะยังคงเดินแผนงานกลุ่มผลิตภัณฑ์พลังงานไฟฟ้าต่อไป โดยยังคงกรอบเวลาเดิมในการนำเสนอโมเดลใหม่ 30 รุ่น ภายในปี 2030
[adsforwp id=”1302″]
Honda e:N2 “Concept” สำหรับตลาดประเทศจีน
ในงาน CES 2024 ซึ่งบริษัทและผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมากหวังที่จะจัดแสดงอนาคตของเทคโนโลยีของตนที่งานนี้ โดยหนึ่งในนั้นคือ Honda ผู้ผลิตยานยนต์ชั่นนำจากประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศแผนการที่จะเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดสำหรับตลาดสากล ซึ่งน่าจะช่วยเคลียร์กลยุทธ์ EV ระดับโลกที่น่าสับสนสำหรับทุกคน นี่คือสิ่งที่เราคาดหวังได้จากยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นในการแสดงที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
[adsforwp id=”1302″]
โดยล่าสุด Honda ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าในงาน CES 2024 จะมีการเปิดตัว “all-new global Honda electric vehicle (EV) series” โดยมีการเปิดเผยภาพตัวอย่างแรกของยานพาหนะคันหนึ่งมีรูปทรงลิ่มพร้อมกระจกบังลมที่กลมกลืนกับโครงสร้างด้านหน้าของรถ โดยที่ดูเหมือนถูกซ่อนไว้หรือไฟส่องสว่างแบบเรียบๆ และไม่มีช่องระบายความร้อนที่ชัดเจนหรือการออกแบบแผงหน้าปัดแบบดั้งเดิมปรากฏให้เห็น รูปภาพยังแสดงให้เห็นล้อหน้าที่มีลวดลายใบมีดเรขาคณิตและยางแบบ low-profile
ภาพตัวอย่างแรกของ Honda Radical EV (ปรับแสงใหม่)
จนถึงตอนนี้เรามีเพียงภาพนั้นและกำหนดการเปิดตัวในวันที่ 9 มกราคม 2024 ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา ซึ่งทางบริษัทเองยังได้ประกาศด้วยว่าจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าใหม่ 30 รุ่นภายในปี 2030 โดยมีเป้าหมายการขายรถยนต์ไฟฟ้า 2 ล้านคันต่อปี และจะจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2040 และมีเป้าหมายคาร์บอนเป็นกลางทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดและ กิจกรรมขององค์กรภายในปี 2050
กลุ่มผลิตภัณฑ์ EV ใหม่ที่เปิดตัวในงาน CES 2024 คาดว่าจะแตกต่างจาก Honda Prologue EVที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็น SUV ที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมโดยใช้ Chevy Blazer EV จาก General Motors แผนการเพิ่มเติมในการร่วมกันพัฒนาโมเดล EV ที่ “ราคาไม่แพง” ในอนาคตโดยใช้แพลตฟอร์มUltium ของ GM จาก Honda ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ ใหม่นี้มีแนวโน้มที่จะเข้ามาแทนที่แผนดังกล่าว ซีรีส์ใหม่นี้คาดว่าจะแตกต่างจากรถซีดานแนวคิด e:N2 ในตลาดจีน และ Honda e แฮทช์แบ็ก EV ของยุโรป ดังนั้นจึงควรเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]