ในการจัดงาน งาน Goodwood Festival of Speed ปี 2023 นี้ Hyundai ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ Ioniq 5 Nรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และซอฟแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับ ขี่ขั้นสูงสุด
[adsforwp id=”1302″]
ภาพรวมของตัวรถนั้น Ioniq 5 N จะมีขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่นมาตรฐานเล็กน้อย โดยจะมีขนาดความกว้างเพิ่มขึ้น 440 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 80 มิลลิเมตร แต่ความสูงจะลดลงจากรุ่นมาตรฐาน 20 มิลลิเมตร ตัวรถมีสปอยเลอร์ด้านล่าง ช่องระบายอากาศแบบแอคทีฟ และม่านอากาศแบบตาข่ายที่ใช้งานได้ โดยผู้ผลิตเน้นการตกแต่งด้วยสีดำตัดกับสีส้มเรืองแสงแบบ N-exclusive ที่กันชน สเกิร์ตข้าง และดิฟฟิวเซอร์หลัง สวมล้ออะลูมิเนียมขึ้นรูปขนาด 21 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Pirelli P-Zero ที่ปรับแต่งมาสำหรับรถยนต์ EV ที่มีแรงบิดมากเป็นพิเศษ
[adsforwp id=”1302″]
ภายในห้องโดยสาร ฮุนไดติดตั้งพวงมาลัย N ที่ออกแบบใหม่ ซึ่งมีโลโก้ของแบรนด์สมรรถนะสูงเป็นครั้งแรกผู้ผลิตรถยนต์ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่เมื่ออยู่บนสนามแข่ง บริษัทได้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมบนคอนโซลกลางและเพิ่มที่วางแขนแบบเลื่อนได้ ฮุนไดยังลดตำแหน่งของเบาะบุนวมลงประมาณ 0.79 นิ้ว มีให้เลือกทั้งแบบผ้าและหนังหรือแบบ ECO ที่ผสมผสานระหว่าง Alcantara และหนังแท้
โดยพื้นฐานแล้ว Hyundai Ioniq 5 N มีมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว กำลังรวมคือ 600 แรงม้า (hp) พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 740 นิวตันเมตร ซึ่งจะมีโหมดเสริมประสิทธิภาพ N Grin Boost ที่ช่วยบูทการทำงานของมอเตอร์ในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ได้กำลังสูงสุดรวม 641 แรงม้า (hp) พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร โดยที่โหมดบูทเสริมประสิทธิภาพนี้จะทำงานเป็นเวลา 10 วินาที เอาง่ายๆ ก็เหมือนกับเป็นการกด Nitrous บูทกำลังให้กับเครื่องยนต์ดีๆ นี้เอง
ในแง่ของสมรรถนะนั้น อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะอยู่ที่ 3.5 วินาที และเมื่อเปิดโหมด N Grin Boost จะลดลงมาเหลือ 3.4 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้น จะมาพร้อมกับความจุ 84.0 kWh ซึ่งมีระบบรองรับการชาร์จกำลังไฟ 800w อีกทั้งยังมีระบบปรับสภาพแบตเตอรี่ เพื่อให้สอดคล้องกับโหมดในการขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น การขับขี่ในโหมด Drag แบตเตอรี่จะทำการปรับอุณหภูมิแบตเตอรี่ให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รอบมากที่สุด เช่นเดียวกับโหมดพิเศษ RACE ที่จะมีโหมดย่อยอีก 2 โหมด ประกอบด้วยโหมด Endurance ที่จะช่วยเพิ่มระยะทางในการวิ่งบนประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่โหมด Sprint จะทำหน้าที่ตรงกันข้าม จะปลดปล่อยพลังงานจากแบตเตอรี่ออกมาทั้งหมด เพื่อให้ตัวรถสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ตัวรถยังมีระบบ N Launch Control ซึ่งมีการตั้งค่าสำหรับระดับการยึดเกาะที่แตกต่างกันสามระดับ ช่วยให้รถออกตัวได้อย่างรวดเร็ว ระบบ N Pedal ซึ่งจะเป็นซอฟแวร์ในการจัดการเรื่องของน้ำหนัก โดยจะแปรผันตามอัตราแรงเบรก เพื่อสร้างการถ่ายเทน้ำหนักที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าโค้งของรถ และสามารถดีดตัวออกจากโค้งด้วยการถ่ายน้ำหนักที่สมดุลราวกับรถแข่งในสนาม
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของตัวรถคือ ระบบ N Drift Optimizer ระบบจะจัดการรักษามุมการดริฟท์ และระบบช่วยเหลืออย่าง Torque Kick Drift ที่จะเป็นการจำลองการกระทำการเตะคลัตช์ที่ใช้ในรถขับเคลื่อนล้อหลังIoniq 5 N ยังมาพร้อมกับ N Torque Distribution ที่สามารถปรับได้ถึง 11 ระดับและดิฟเฟอเรนเชียลลิมิเต็ดสลิปแบบอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ยังมีระบบ N e-shift และระบบ N Active Sound + ที่จะเป็นการจำลองความรู้สึกของการเข้าเกียร์ DCT 8 สปีด ซึ่งจะมีการกระตุกกระหว่างการเปลี่ยนเกียร์โดยการควบคุมแรงบิดที่ส่งออกของมอเตอร์ ทำให้ได้ประสบการณ์การขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายในมากที่สุด โดยมีระบบ N Active Sound + ที่จะเป็นการจำลองเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ เช่นการจุดระเบิด โดยมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบจำลองเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ หรือธีมเสียง Supersonic ที่จำลองเสียงจากเครื่องบินขับไล่ไอพ่น
Hyundai ยังไม่เปิดเผยราคาของ Ioniq 5 N อย่างเป็นทางการ แต่คาดกันว่า ตัวรถจะมีราคาเริ่มต้นที่ 53,935 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.86 ล้านบาท และยังไม่เปิดเผยว่าจะเริ่มจำหน่ายรถไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงคันนี้ในช่วงเวลาใด
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]