หลังจากที่ปล่อยโมเดล Varient ในตระกูล Corolla ออกมาหลายต่อหลายรุ่น ในที่สุด Toyota ก็ได้อัพเดทโมเดลหลักของซีรี่ส์เสียที โดยล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูล และภาพบางส่วนของตัวรถออกมาให้เราได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทคโนโลยีบนตัวรถที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับโมเดลใหม่ของ Toyota Corolla นั้นจะมีด้วยกันสองรูปแบบคือแบบ Sedan 4 ประตู ที่จะมีสองรุ่น ประกอบด้วย SE และ XSE และแบบ Hatchback 5 ประตูจะมีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น จุดที่น่าสนใจที่สุดของโมเดลใหม่ก็คือการเปลี่ยนในส่วนของขุมกำลัง โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรดั่งเดิมที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน จะถูกถอดเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โดยได้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรแบบ 4 ลูกสูบแถวเรียง ที่เคยใช้งานบน Corolla XSE รุ่นปี 2021 และ Corolla Hacthback มาก่อน โดยการอัพเดทเครื่องยนต์ใหม่นี้ก็เพื่อให้เป็นแกนหลักในการต่อสู้กับ Honda Civic และ Hyundai Elantra ที่มีการอัพเดทไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์เท่านั้น ยังมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก โดยดึงเอางานออกแบบจากรุ่น Corolla SE และ XSE ก่อนหน้ามาทำการปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มชุดไฟหน้าใหม่ LED Lowly LE เพิ่มกันชนหลังใหม่ ในขณะที่ SE และ XSE ได้รับดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบสปอร์ตและล้อสีดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่น Hatchback เพิ่มกระจังหน้าใหม่ที่ตกแต่งด้วยโครเมียมและกันชนหลังที่ผสมผสานสีตัวถังและองค์ประกอบโครเมียมเข้าด้วยกัน ล้อขนาด 18 นิ้วโดยมีสีและลวดลายที่เหมือนกันกับรุ่น Sedan
Toyota ยังนำเสนอสีตัวถังใหม่ ในรุ่น Sedan จะมาะร้อมกับสี Underground และ Midnight Black Metallic แทนที่ Black Sand Pearl ในซีดาน รุ่น Hatchback มาพร้อมกับสี Inferno และ Blue Crush Metallic
[adsforwp id=”1302″]
ภายในห้องโดยสารก็มีการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้า โดยจะมีการอัพเดทระบบ Infotainment ขึ้นมาใหม่ โดยจะมีหน้าจอแสดงผลส่วนกลางขนาด 8 นิ้วพร้อมระบบ Toyota Audio Multimedia ซึ่งเป็นรูปแบบของการจัดการแบบเดียวกับที่ใช้งานบน Toyota Tundra รุ่นใหม่ล่าสุด มีการเพิ่มโปรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้นและกราฟิกที่คมชัดขึ้น มีคุณสมบัติในการรองรับความสามารถ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto เป็นมาตรฐาน และสามารถอัปเดทผ่านระบบ Over the Air ได้ พร้อมกับคุณสมบัติใหม่ ในการรับคำสั่งด้วยเสียง เพียงพูด “Hi Toyota” ก็สามารถสั่งการผ่านชุดคำสั่งได้อย่างแม่นยำ
ในส่วนระบบความปลอดภัยนั้น ยังคงใช้งานเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ Toyota Safety Sense ซึ่งโมเดลในปี 2023 ได้รับการอัพเกรดเล็กน้อย เช่นระบบแจ้งเตือนการชนล่วงหน้าพร้อมกับระบบตรวจจับคนเดินถนน การแจ้งเตือนการออกจากเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติด้วยเรดาร์แบบไดนามิก ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ระบบช่วยจำป้ายถนนและป้ายสัญญาณจารจร และไฟสูงอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
มีการอัพเดทใหม่ในกลุ่ม Hybrid โดยจะเป็นครั้งแรกของตระกูล Corolla ที่จะได้ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD โดยจะเป็นการแยกส่วนการทำงาน โดยเพลาหน้าจะรับกำลังจากเครื่องยนต์โดยตรง ส่วนเพลาหลังจะรับกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะว่าเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ตลอดเวลาเลยก็ไม่ใช่ เพราะตัวรถจะเปลี่ยนการขับเคลื่อนเป็น AWD เฉพาะในเวลาที่มีแรงฉุดลากต่ำและใช้ความเร็วต่ำเท่านั้น ซึ่งกลไกนี้จะเป็นรูปแบบเดียวกับระบบขับเคลื่อนของ Toyota Prius นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเหล่านั้นและอื่นๆ รวมถึงราคาน่าจะมาใกล้เมื่อ Toyota Corolla ปี 2023 จะมาถึงตัวแทนจำหน่ายในปลายปีนี้ ราคาดังกล่าวไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นปัจจุบันมากนัก ดังนั้น Hybrid จะยังคงอยู่ในราคาที่ไม่แพงมาก ในขณะที่ซีดาน Corolla ปกติจะเริ่มต้นที่ประมาณ 21,000 เหรียญสหรัฐหือราวๆ 722,495 บาทโดยประมาณ
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]