Hyundai Motor Group ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศเกาหลีใต้ อาจจะเป็นชื่อที่หลายๆ คนในเมืองไทยคุ้นเคย เพราะในอดีตบริษัทได้เปิดตลาดครั้งใหญ่ในประเทศไทยด้วยการนำเอารถยนต์ราคาประหยัดเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั้งในชื่อของแบรนด์ Hyundai และ Kia แต่แล้วก็ต้านทานกระแสของคนไทย ที่คลั่งไคลในรถยนต์ญี่ปุ่นไม่ไหว จนต้องถอนไลน์ผลิตภัณฑ์หลักๆ ออกไป และเติมด้วยโมเดลเฉพาะทาง และดูเหมือนว่าแนวทางนั้นจะเป็นไปได้ด้วยดีเสียด้วย
[adsforwp id=”1302″]
ในทางกลับกัน Hyundai Motor Group กลับใช้แนวทางที่แตกต่างกันกับการทำตลาดในสหรัฐอเมริกา โดยทางกลุ่มได้เดินหน้าตลาดรถยนต์อย่างจริงจัง และเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานในตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งในปี 2021 ที่ผ่าน Hyundai Motor Group ประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำตลาดรถยนต์ EV ในสหรัฐ โดยก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตที่ถือครองยอดการจำหน่ายเป็นอันดับที่สอง เหนือกว่า Ford, Nissan และ Volkswagen จะเป็นรองก็เพียงแค่ Tesla เจ้าตลาดในระดับสากลเท่านั้น
จากความสำเร็จครั้งนี้ Hyundai Motor Group ได้ประมาณ 16,000 ล้านดอลลาร์ในการพัฒนารถยนต์ EV ของตนเอง โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ Hyundai, Kia และแบรนด์ใหม่อย่าง Genesis ให้ได้รวมกับ 30 โมเดล ภายในปี 2030 และยังมีการตั้งโรงงานใหม่ในเมือง Savannah รัฐ Georgia ซึ่งเป็นโรงงานที่ใช้ในการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ และหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะถูกสร้างขึ้นในโรงงานแห่งใหม่นี้ก็คือ Hyundai Ioniq 6 ที่เราจะมาบอกเล่าในครั้งนี้
เข้าเรื่องกันเสียที 2024 Hyundai Ioniq 6 จะเป็นตัวรถเวอร์ชั่นการผลิตจริงจากแนวคิด Prophecy ที่เปิดตัวเมื่อปี 2020 โดยใช้แพลตฟอร์มสมัยใหม่อย่าง E-GMP ที่พัฒนาขึ้นมาโดย Hyundai Motor Group ที่ปัจจุบันถูกใช้งานไปแล้วบน Hyundai Ioniq 5 และ Kia EV6 โดยมีจุดเด่นที่สถาปัตยกรรมการชาร์จแบบ 800v
[adsforwp id=”1302″]
2024 Hyundai Ioniq 6 จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ของรถยนต์ซีดาน 4 ประตูสไตล์คูเป้ โดยจะมีระยะฐานล้อที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Ioniq 5 และ EV6 ด้วยระยะฐานล้อ 116.1 นิ้ว ซึ่งจะยาวกว่าระยะฐานล้อของ EV6 ที่มีความยาว 114.1 นิ้ว แต่จะสั้นกว่า Ioniq 5 ที่มีระยะฐานล้อ 118.1 นิ้ว โดยทาง Simon Loasby หัวหน้ากลุ่ม Hyundai Styling Group กล่าวถึงระยะฐานล้อที่แตกต่างกันนี้ ก็เพราะการรอออกแบบสัดส่วนของตัวรถที่ลงตัวกว่า และเหมาะสมกับกำลังของมอเตอร์และแบตเตอรี่ของโมเดลรุ่นใหม่
จะว่าไปแล้วทางผู้ผลิตเองก็ไม่มีการออกมาบอกถึงค่าประสิทธิภาพของมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้าบน Ioniq 6 แต่อย่างใด โดยบรรดาสื่อต่างคาดเดาวาตัวรถจะเลือกใช้มอเตอร์ด้านหลังที่เป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้บน Ioniq 5 ที่จะให้กำลังสูงสุด 225 แรงม้า (HP) พร้อมกับแรงบิด 258 Ib-Ft แต่จะมีการเสริมด้วยมอเตอร์ขับที่ล้อหน้า เพิ่มกำลังให้ 99 แรงม้า (HP) พร้อมกับแรงบิด 188 Ib-Ft ทำให้ได้กำลังทั้งหมด 320 แรงม้า (HP) และแรงบิดรวม 446 Ib-Ft
กลับมาที่งานออกแบบกันสักหน่อย 2024 Hyundai Ioniq 6 จะใช้ภาษาในการออกแบบที่เรียกว่า “Streamliner” ซึ่งเป็นการออกแบบที่ช่วยในการลดแรงต้านจากการปะทะของอากาศ ซึ่งเราเคยพบกับงานออกแบบแนวนี้มาแล้วบน Phantom Corsair เมื่อปี 1938 โดยทาง SangYup Lee หัวหน้าฝ่ายออกแบบระดับโลกของ Hyundai ได้กล่าวไว้ว่า “เป็นการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ลดขนาด เป็นปริมาณที่บริสุทธิ์ เป็นสัดส่วนที่คุณไม่สามารถทำได้กับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน”
ตามหลักการแล้ว Ioniq 6 ได้ผ่านการทดสอบในอุโมงค์ลมหลายต่อหลายครั้ง และได้ผลสรุปค่าสัมประสิทธิ์การลาก 0.21 ซึ่งเทียบเท่ากับ Tesla Model 3 โดยมีองค์ประกอบด้านบนของส่วนท้ายซึ่งสะท้อนถึงรูปแบบของสปอยเลอร์หางปลาวาฬของ Porsche 911 บังโคลนหลังไหลเข้าด้านในของฝากระโปรงหลังทำให้นึกถึงรูปแบบที่พบในทั้ง 911 รุ่นเก่าและ BMW 6 Series ในยุค Bangle
แต่แนวคิดในการออกแบบนี้ก็ใช่ว่าจะลงตัวไปเสียทุกอย่าง เราได้เห็นแนวตัดในเสา C ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากความจำเป็นที่จะต้องมีฝากระโปรงท้ายที่ขยายไปถึงส่วนบนของบังโคลนหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่องตัดของประตูด้านหลังขยายเข้าไปในราวด้านข้างของหลังคาเพื่อให้สามารถทำส่วนบนของประตูที่มีกรอบได้ เพื่อปรับปรุงการเข้าและออกของห้องโดยสารด้านหลัง ซึ่งอาจจะดูชัดใจเราอยู่ไม่น้อย
ว่ากันถึงเรื่องภายนอกแล้ว มาต่อกันที่ห้องโดยสารบ้าง ภายในของ Ioniq 6 ภายในกว้างขวางและมีอุปกรณ์ครบครัน บรรยากาศระดับพรีเมียมที่ทำให้ภายใน ID4 ของ Volkswagen ดูดรอปลงไปเลย แสงโดยรอบที่ปรับเปลี่ยนได้นั้นเป็นมาตรฐาน แต่แสงจะสะท้อนจากพื้นผิวของแผงประตู โดยที่หลอด LED นั้นจะถูกซ่อนไว้ แผงหน้าปัดแบบดิจิตอลมีขนาด 12.0 นิ้ว พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 12.0 นิ้วที่ระบบ Infotainment เหนือคอนโซลกลาง ภายในห้องโดยสารจะมี 2 แบบ โดยจะแยกตามกระจกมองข้าง ใช่ครับไม่ผิด เพราะในตลาดโลกนั้น Ioniq 6 จะใช้กล้องมองภาพ แสดงผลบนหน้าจอทั้งสองฝั่งบนคอนโซล ส่วนตลาดอเมริกานั้นจะใช้กระจกมองข้างแบบมาตรฐาน จึงมีการติดตั้งหน้าจอแสดงผลด้านข้างของคอนโซลทั้งสองฝั่ง วัสดุที่ทาง Hyundai เลือกมาใช้ในการผลิตวัสดุหุ้มทั้งหมดภายในห้องโดยสาร จะเป็นวัสดุรีไซเคิล เช่นผ้าหุ้มเบาะนั่งจะผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล พรมบนพื้นจะผลิตจากอวนลากปลาที่ชำรุด และหนังที่ย้อมด้วยน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์
จากแหล่วข่าววงในของ Hyundai Motor Group ได้บอกว่า ทางบริษัทจะตั้งราคาค่าตัวของ 2024 Hyundai Ioniq 6 ให้ต่ำกว่า Tesla Model 3 โดยคาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 48,000 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 1.68 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมากๆ สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเวลานับจากนี้
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]