รถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กรุ่นใหม่ Diahatsu Taft ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในประเทศญี่ปุ่น และมีการเปิดให้จองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมานับว่าสร้างกระแสและความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเรา Thai Driving เองก็สนใจมันอยู่ไม่ใช่น้อย ด้วยรูปลักษณ์ที่กระทัดรัดแต่ภายในกลับดูกว้างขวาง และเหมาะกับการใช้งานในการจารจรในบ้านเราเป็นอย่างมาก
[adsforwp id=”198″]
Diahatsu “Taft” เป็นยานยนต์ประเภท light crossover จะแบ่งเป็นรุ่นย่อยๆ ด้วยกันสามรุ่นประกอบไปด้วย X, G และ G Turbo โดยรุ่น X และ G นั้นจะมีขุมกำลังหลักเป็นเครื่องยนต์ขนาด 658 ซีซี สามลูกสูบ ให้กำลัง 52 แรงม้า (PS) ที่ 6,900 รอบต่อนาที แรงบิด 60 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ระบบขับเคลื่อน 2WD/4WD อัตราสิ้นเปลือง 22.3 km/L (4WD 20.6 km/L) โดยที่รุ่น G Turbo จะเพิ่มเติมระบบ Turbocharge ที่ส่งให้มีแรงม้าสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 62 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 20.5km/L (4WD, 19.5km/L)
แน่นอนว่าเจ้า Taft นั้นเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มของ DNG-A (Daihatsu New Global Architecture) แพลตฟอร์มที่พัฒนามาเพื่อรถยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งรองรับสายการผลิตและติดตั้งเครื่องยนต์ที่ใหญ่ได้ถึง 1,500 ซีซี และโครงสร้างนี้ก็ถูกใช้งานรวมกับโมเดลอื่นๆ กว่า 21 รุ่น ทำให้มีการใช้ชิ้นส่วนร่วมกันกว่า 75%แชสซี, ช่วงล่าง, เครื่องยนต์, ระบบเกียร์, และเบาะนั่ง ซึ่งถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ตัวแชสซีถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา รองรับยานยนต์แบบ A-Segment และ B-Segment พร้อมรองรับโครงสร้างแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถนำมาแทนที่เครื่องยนต์ได้ในภายหลัง ทำให้กลายเป็นแพล็ตฟอร์มที่รองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เป็นอย่างดี
มิติของตัวรถจะอยู่ที่ ยาว 3,395 มิลลิเมตร กว้าง 1,475 มิลลิเมตร สูง 1,630 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,460 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้น 190 มิลเมตร ระยะห่างระหว่างผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าและเบาะหลังเท่ากับ 900 มิลลิเมตร เบาะหลังมีฟังก์ชั่นสไลด์หน้า-หลัง สามารถพับเก็บจัดเรียงและแยกออกซ้ายขวาได้อิสระ
ในแง่ของการใช้งาน ตัวรถมีระบบ Cruise control + ระบบ Lane keying assist และระบบ Parking brake เป็นมาตรฐานในรุ่น G และ G Turbo จะมีคุณสมบัติพิเศษของระบบ Cruise Control ที่สามารถควบคุมระยะทางระหว่างยานพาหนะโดยอัตโนมัติ และระบบ Parking brake จะเป็นระบบไฟฟ้าที่สามารถทำงานได้เอง หากตัวรถจอดสนิทในช่วงระยะเวลาหนึ่งและสามารถปลดการทำงานได้โดยการกดคันเร่งเพียงเบาๆ เท่านั้น
[adsforwp id=”198″]
สำหรับราคาเปิดตัวของ 2020 Diahatsu Taft ทั้งสามรุ่นนั้น คาดว่าราคาของรุ่น X จะอยู่ที่ 1,350,000 เยน (395,450 บาท) รุ่น G ราคา 1,490,000 เยน (436,000 บาท) และรุ่น G Turbo ราคา 15,90,000 เยน (466,000 บาท) ส่วนราคาจำหน่ายจริงและวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการน่าจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีนี้ หากไม่เลื่อนเพราะการระบาดของ COVID-19 ในประเทศญี่ปุ่นที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก bestcarweb.jp
[adsforwp id=”198″]