กลายเป็นกระแสข่าวร้อนแรงขึ้นมาทันที เมื่อสื่อใหญ่ฝั่งยานยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัย หลายๆ สำนักต่างพากันพร้อมใจนำเสนอข่าวลือและกาคาดเดาการมาถึงของ All-New Toyota Prius ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนธันวาคมที่จะถึง โดยมีหลายกระแสชี้ว่า Toyota bZ3 ที่เปิดตัวในประเทศจีน จะเป็นร่างต้นของ New Prius ในตลาดสากล
[adsforwp id=”1302″]
หลังจากเปิดตัวในประเทศจีน สำหรับ Toyota bZ3 ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดย BTET (BYD TOYOTA EV TECHNOLOGY COMPANY) และ FAW Toyota Motor Co., Ltd. ที่รับหน้าที่ในการจัดจำหน่าย โดยจุดเด่นของโมเดลนี้คือการที่ทางผู้พัฒนาเลือกใช้งานแบตเตอรี่ LFP ที่ผลิตโดยการใช้ Lithium iron phosphate ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD ที่ทำให้ตัวรถมีระยะการวิ่งสูงสุด 600 กิโลเมตร ด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว (วัดตามมาตรฐาน CLTC)
ภาพเรนเดอร์อย่างไม่เป็นทางการของ All-New Toyota Prius
จนกระทั่งการเปิดตัว Toyota Prius เมื่อช่วงต้นปี 2022 ในประเทศญี่ปุ่น ที่มีการปรับโฉมหน้าใหม่เพียงเล็กน้อย จนเป็นที่มาของการเชื่อมโยงโมเดลใหม่ทั้งหมด ว่าอาจจะเกิดขึ้นในตลาดรถยนต์ปี 2023 และยิ่งตอกย้ำความเป็นไปได้เมื่อมีการพบเจอตัวรถทดสอบรุ่นใหม่ ที่มีรูปลักษณ์ที่ตรงกับ bZ3 ออกวิ่งทดสอบในประเทศญี่ปุ่น จนเป็นที่มาว่า All-New Toyota Prius รุ่นที่ 5 นั้นจะเป็นการนำโฉมของ bZ3 มาใช้งานในระดับสากล
[adsforwp id=”1302″]
จากข้อมูลเท่าที่เราพอจะหาได้นั้น Toyota วางผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม bZ Series ไว้สำหรับโมเดลระดับ Global ซึ่งจะแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่ตั้งใจวางโมเดล BEV (ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่) เฉพาะรุ่น ที่จะจำกัดการจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งเจ้า bZ4X นั้นก็เริ่มเปิดตัวในหลายๆ ประเทศในยุโรปไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แตกต่างจากประเทศจีนที่เป็นฐานในการพัฒนา ที่เริ่มจำหน่ายไปแล้ว 2 โมเดล และจะมีตามมาอีกอย่างน้อยๆ 5 รุ่นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
สิ่งที่เชื่อมโยงสองโมเดลนี้เข้าด้วยกัน ก็คือรูปแบบของชุดไฟหน้า ที่ทั้งสองโมเดลมีความคล้ายกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งรูปแบบโดยรวมของตัวรถก็มีความใกล้เคียงกัน แต่อาจจะแปลกตาสำหรับผู้ใช้งาน Prius รุ่นก่อนหน้าที่จะมาพร้อมกับรูปแบบของรถยนต์ Hatchback แต่รุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึงกลับเป็นแบบซีดาน 4 ประตู
จากข้อมูลวงในเปิดเผยว่า All-New Toyota Prius รุ่นที่ 5 จะเปิดตัวด้วยระบบส่งกำลังแบบ Hybrid และ PHEV โดยจะมีรุ่น BEV ตามมาในช่วง 2-3 ปีหลังจากเปิดตัว ซึ่งข้อมูลตรงนี้ยังคงเป็นข้อน่าสงสัยว่าจะเป็นไปตามข้อมูลที่เราทราบหรือไม่ โดยทางผู้ผลิตเองยังคงปิดเงียบไม่ยอมปริปากกับสื่อ หรือบุคคลภายนอก ณ ตอนนี้
Credit : bestcarweb.jp
[adsforwp id=”1302″]