หลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา สำหรับ BYD e2 ก็มาถึงการเปิดตัวในเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของตัวรถ ที่มีการปรับแพลตฟอร์มใหม่ พร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้งาน ให้เหมาะสมกับช่วงเวลา และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
[adsforwp id=”1302″]
BYD e2 เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2019 โดยมีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมระบบขนส่งมวลชนสาธารณะหรือบริการแท็กซี่ โดยในปี 2020 BYD สามารถขายรถแฮทช์แบค e2 ได้ 19,616 คัน ในปี 2021 มีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 34,265 คัน แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมานั้น BYD ได้ยุติสายการผลิตชั่วคราว ทำให้ยอดการจำหน่ายลดลงมาอยู่ที่ 17,935 คัน และล่าสุดในปี 2023 e2 ก็กลับมาอีกครั้งบนแพลตฟอร์มใหม่ ที่เหมาะสมกับการใช้งานมากกว่าเดิม
[adsforwp id=”1302″]
BYD e2 ใหม่ตั้งอยู่บนแพลตฟอร์ม e-3.0 ตอนนี้ มันถูกวางตำแหน่งเป็นรถยนต์ในซีรีส์ BYD Ocean ดังนั้นการออกแบบภายนอกจึงได้รับการปรับปรุงใหม่ ส่วนหน้าของมันมีกระจังหน้าแบบปิดและองค์ประกอบรูปตัว X ที่กันชนหน้า ตัวรถจะมาพร้อมกับขนาดความยาว 4,260 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,760 มิลลิเมตร ความสูง 1,530 มิลลิเมตร ตั้งบนระยะฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร ซึ่งโดยรวมแล้วตัวรถรุ่นใหม่จะยากว่ารุ่นก่อนหน้า 20 มิลลิเมตร
การตกแต่งภายในของ BYD e2 ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด โดยอิงจากผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันของบริษัท มีพวงมาลัยรูปตัว D สามก้านที่ยืมมาจากรถยนต์ในซีรีส์ Ocean อย่าง Seal และ Dolphinสำหรับการเปลี่ยนแปลงหลักจะเป็นหน้าจอหลักสำหรับคนขับขนาด 8.8 นิ้ว และหน้าจอส่วนกลางแบบลอยตัวขนาด 12.8 นิ้ว e2 ยังได้รับการ์ด NFC, คีย์ Bluetooth และระบบทำความร้อนเบาะนั่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
BYD e2 มีแบตเตอรี่ LFP ขนาด 43.2 kWh ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า (hp ) โดยสามารถผ่านการทดสอบ CLTC ด้วยระยะทาง 405 กิโลเมตร โดยเปรียบเทียบแล้ว ตัวรถจะสามารถวิ่งทำระยะได้ไกลกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย แต่มีกำลังที่ลดลงจากเดิม โดยส่วนหนึ่งเพราะการปรับให้ตัวรถเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองที่มีการจารจรที่หนาแน่นนเป็นหลัก ดังนั้นกำลังที่มากเกินความจำเป็นจึงถูกลดทอนออกไป
สำหรับราคาจำหน่าย BYD e2 จะแบ่งช่วงราคาออกเป็น 2 ระดับ โดยแบ่งตามการตกแต่งเพิ่มเติมทั้งภายนอกและภายในตัวรถ ซึ่งไม่มีความแตกต่างในเรื่องของกำลังมอเตอร์และขนาดของแบตเตอรี่ โดยรุ่นเริ่มต้นจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 102,800 หยวน หรือราวๆ 509,970 บาท และรุ่นสูงสุดจะมีราคาจำหน่ายที่ 109,800 หยวน หรือราวๆ 544,430 บาท
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com
[adsforwp id=”1302″]