ผลิตภัณฑ์เรือธงของ Lotus รุ่นใหม่นี้ไม่ใช่รถสปอร์ตขนาดเล็กน้ำหนักเบาที่เราคุ้นเคยอีกต่อไป ด้วยแนวทางของบริษัทที่มุ่งหน้าไปสู่ผู้ผลิตที่ต้องการบรรลุความเป็นกลางด้านคาร์บอน ทำให้ผลิตภัณฑ์ในอนาคตของบริษัทได้กลายสภาพเป็น sedan hyper GT ที่ใช้ไฟฟ้าล้วนซึ่งมีความรวดเร็วในรูปแบบใหม่ทั้งหมด
โดยหลักแล้ว Lotus Evija เป็นไฮเปอร์คาร์ที่มีการผลิตและจำหน่ายในจำนวนจำกัด ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 โดยใช้รูปแบบของรถสปอร์ตขนาดเล็กที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ที่ให้กำลัง 2,012 แรงม้า (hp) และมีการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 93 kWh รองรับระยะทาง 346 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)
ในขณะที่ Lotus Emeya EV รุ่นปี 2025 ที่เรากำลังจะพูคคุยในบทความนี้ จะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบ Global Model โดยใช้รูปลักษณ์ของรถซีดาน 4 ประตู ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังไฟฟ้า โดยมีกำหนดเริ่มการผลิตในปี 2024 โดยจะมีการติดตั้งมอเตอร์คู่กำลัง 905 แรงม้า (hp) พร้อมแรงบิด 727 lb-ft สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ด้วยเวลา 2.8 วินาที ซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่ลดลงมาจาก Porsche Taycan Turbo S ที่ทำได้ 2.4 วินาที ในขณะที่ Emeya S รุ่นเล็กกว่าจะมีอัตราเร่งบนระยะทางเดียวกันที่ 4 วินาที
ในขณะที่ระบบเกียร์ของตัวรถนั้น Emeya R EV จะติดตั้งชุดเกียร์แบบ 2 สปีด แบตเตอรี่ที่มีความจุ 102 kWh รองรับระยะทาง 310 ไมล์ (ประมาณ 498 กิโลเมตร) โดยที่มีการติดตั้งสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800V จะช่วยให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ตั้งแต่ 10 เปอร์เซ็นต์ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 15 นาที เมื่อชาร์จกับสถานีจ่ายไฟขนาด 350 kW เพียง 5 นาที จะเพิ่มระยะทางในการวิ่งได้ 95 ไมล์ (ประมาณ 150 กิโลเมตร) ในขณะที่รุ่นเล็กอย่าง Emeya และ Emeya S จะรองรับระยะทางที่ไกลกว่า ด้วยระยะทาง 379 ไมล์ หรือประมาณ 610 กิโลเมตรต่อชาร์จ
ในขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถนั้น Emeya มีส่วนช่วยตามหลักอากาศพลศาสตร์แบบแอคทีฟ รวมถึงกระจังหน้าแบบแอคทีฟที่ปิดเพื่อลดการลาก และเปิดเพื่อทำให้แบตเตอรี่และเบรกเย็นลงเมื่อจำเป็น ลิ้นอากาศแบบแอคทีฟจะเพิ่มแรงกดบนเพลาหน้าด้วยความเร็วสูง ปรับปรุงการควบคุมและเสถียรภาพ ที่ด้านหลังของรถจะมีดิฟฟิวเซอร์แบบแอคทีฟที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศ และสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟสองชั้นที่สร้างแรงกดได้มากถึง 474 ปอนด์
Emeya ใช้งานระบบกันสะเทือนแบบถุงลมกึ่งแอกทีฟควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และล้อขนาด 22 นิ้ว และตัวรถถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ลำดับที่สองในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่ใช้งานพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า โดยแร็คยึดเข้ากับแชสซีโดยตรงเพื่อเพิ่มการตอบสนอง สัดส่วนที่สูงของฮาร์ดแวร์ ทำให้ตัวรถมีความเป็นไปได้ที่จะนำเสนอระบบ rear-wheel steering เพื่อเพิ่มความคล่องตัวที่ความเร็วต่ำและความเสถียรที่ความเร็วสูง
ภายในของ Emeya จะถอดแบบมาจาก Eletre โดดเด่นด้วยการผสมผสานวัสดุคุณภาพสูงเข้าด้วยกัน การเปิดตัวครั้งแรกใน Emeya เป็นวัสดุใหม่ที่นำเศษฝ้ายจากอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องนุ่งห่มกลับมาใช้ใหม่ Lotus กล่าวว่ามีน้ำหนักเบากว่าหนังและมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำกว่าในแง่ของการผลิต
หน้าจอส่วนกลางขนาดใหญ่ให้อินเทอร์เฟซระหว่างผู้โดยสารและระบบต่างๆ ของ Emeya รวมถึงระบบเสียง KEF ระดับไฮเอนด์พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนในตัว ทั้งคนขับและผู้โดยสารยังมีจอแสดงผล OLED ที่บางเฉียบ ข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ขับขี่จะแสดงบนหน้าจอแสดงผลบนกระจก โดยทางผู้ผลิตเรียกหน้าจอนี้ว่า Augmented Reality ที่รวมข้อมูลถนนแบบเรียลไทม์พร้อมระบบนำทางและข้อมูลระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง การแสดงสัญญาณไฟเลี้ยว การเตือนสิ่งกีดขวาง การออกจากเลน การแจ้งเตือนการชนข้างหน้า และการตรวจสอบจุดบอด
ในอนาคตคาดว่าจะมีข้อมูลที่เป็นทางการเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและข้อมูลจำเพาะของ Emeya ออกมาในช่วงก่อนการเปิดตัวปลายปี 2024 นี้ โดยสื่อในอังกฤษคาดเดาว่าตัวรถจะมีราคาเริ่มต้นที่ 106,400 ยูโร หรือประมาณ 4.11 ล้านบาท สำหรับรุ่นมาตรฐาน 126,950 ยูโร หรือราวๆ 4.91 ล้านสำหรับรุ่น Emeya S และ 150,990 ยูโร หรือประมาณ 5.84 ล้านบาทสำหรับ Emeya R
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motortrend.com