Mazda เตรียมรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยจับมือกับ Changan Automobile ในการผลิตรถยนต์คันนี้ ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า Mazda 6e หรือที่รู้จักในชื่อ Mazda EZ-6 ในประเทศจีน โดยจะทำตลาดในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2568 นี้ ซึ่งรถยนต์คันนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกที่งานบรัสเซลส์ มอเตอร์โชว์ ที่ประเทศเบลเยียมในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่าน และจะเปิดตัวในยุโรปในปลายปีนี้ด้วยเช่นกัน
ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เล็งเห็นความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น มาสด้าซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 และในขณะนี้กำลังจะขยายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาค ด้วยการเปิดตัว Mazda 6e ที่ใกล้จะถึง
Mazda EZ-6 เป็นรถยนต์ที่เปิดตัวในประเทศจีนเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567 โดยมียอดขาย 2,445 คัน ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งติดอันดับหนึ่งในสามรถซีดานพลังงานใหม่ขนาดกลางชั้นนำ ขายได้ 1,017 คัน ในเดือนธันวาคม และ 498 คัน ในเดือนมกราคม Mazda EZ-6 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มไฮบริด EPA ของทางค่าย Changan มีจำหน่ายทั้งหมด 7 รุ่นย่อยด้วยกัน วางราคาสินค้าอยู่ระหว่าง 139,800 – 179,800 หยวน หรือประมาณราว ๆ (6.46 – 8.31 แสนบาท) มาพร้อมรุ่นแบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEV) และในรุ่นไฟฟ้าช่วงขยาย (EREV) สำหรับในรุ่น BEV (รถยนต์ไฟฟ้า) จะใช้มอเตอร์ขนาด 190 กิโลวัตต์ วิ่งได้ระยะทาง 480 – 600 กิโลเมตร และรุ่น EREV (เปรียบเหมือนรถไฮบริดรูปแบบหนึ่ง) มีการผสมผสานเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ขนาด 160 กิโลวัตต์ จะทำให้วิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุดที่ 1,301 กิโลเมตร โดยคุณสมบัติหลักๆ ได้แก่ หน้าจอสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว, AR-HUD, ระบบเสียง Sony และเบาะปรับไฟฟ้า เป็นต้น
ตามกลยุทธ์ของบริษัทมาสด้าและมาสด้าประเทศไทยได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 5 พันล้านบาท เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานการผลิตในประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิตคาดว่า 100,000 คันต่อปี ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะเน้นไปที่การผลิตรถเอสยูวีขนาดกะทัดรัดเพื่อส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่นและอาเซียน และจำหน่ายในประเทศจีนรวมถึงประเทศไทยเราด้วย ในช่วงระหว่างปี 2568 – 2570 ซึ่งมาสด้าวางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 5 รุ่นย่อยด้วยกัน รวมถึง Mazda 6e และ CX-6e ซึ่งจะผลิตร่วมกันกับทางแบรนด์ Changan Automobile ในประเทศจีน
ในขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ของ Mazda ต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดที่มีการแข่งขันสูงในประเทศจีน ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 บริษัทฉางอัน มาสด้า จำหน่ายรถยนต์ได้ 6,604 คัน ซึ่งลดลง 28.28% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยยังคงเป็นยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในรอบ 9 เดือน การลดลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันทางการตลาดในวงกว้างซึ่งส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์ เพื่อเป็นการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดทาง Changan Mazda กำลังเร่งอัปเดตรถยนต์สันดาปแบบเดิมๆ และมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า ซึ่ง Mazda EZ-6 จะมีให้เลือก 2 ระบบ คือ รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) และ รถยนต์ไฮบริด (EREV) และทาง Mazda ยังกำลังอัปเดตโมเดลรถยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันเบนซิน อย่างเช่น Axela อีกด้วยโดยได้มีการปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาและการตลาดใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ แม้ว่าความต้องการของตลาดจะน้อยนิดก็ตาม แสดงออกมาจากผลยอดขายในเดือนมกราคมที่ลดลง แต่บริษัทคาดว่าจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และทาง Changan Mazda จะมุ่งเน้นไปที่การขยายสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้า EV และจะดำเนินโครงการเชิงกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งในท้องตลาดที่มีการแข่งสูงในปัจจุบัน
ที่มา : carnewschina.com