Mazda ได้เปิดตัว CX-50 รุ่นปี 2025 และมีรุ่นที่โดดเด่นอย่าง CX-50 Hybrid ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดจาก Toyota ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง 38 MPG หรือประมาณ 6.18 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร
Mazda CX-50 Hybrid 2025 ได้รับการติดตั้งระบบ Toyota Hybrid System ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.5 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ระบบส่งกำลังแบบแปรผันต่อเนื่องที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และชุดแบตเตอรี่ขนาดเล็ก การตั้งค่านี้ทำให้ครอสโอเวอร์ขับเคลื่อนสี่ล้อมีกำลังรวม 219 แรงม้า (hp) และแรงบิด 221 นิวตันเมตร
ระบบ Toyota Hybrid System ที่ถูกนำมาใช้บนตัวรถนั้น ทางทีมวิศวกรของ Mazda กล่าวว่าวิศวกรของพวกเขา “ปรับเทียบแม้แต่รายละเอียดที่ดีที่สุดของระบบส่งกำลังไฮบริด เช่น การตอบสนองของคันเร่ง เพื่อให้ไดนามิกการขับขี่ที่เชื่อมต่อและตอบสนองตามแบบฉบับของ CX-50”บริษัทกล่าวต่อไปว่าครอสโอเวอร์มี “การขับขี่ที่นุ่มนวลและประณีต” รวมถึงความสามารถในการลากจูงได้สูงถึง 680 กิโลกรัม
ด้านรูปลักษณ์ด้านหน้า ไม่มีความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน แต่ CX-50 Hybrid มีความโดดเด่นด้วยกันชนหน้าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และล้ออัลลอยขนาด 17 หรือ 19 นิ้วอันเป็นเอกลักษณ์ ในส่วนของการอัพเดทใหม่ที่ส่งผลต่อรุ่นมาตรฐานด้วย ก็คือการปรับเปลี่ยนระบบบูรณาการกับ Alexa ครอสโอเวอร์ยังนำเสนอคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมาตรฐานเพิ่มเติม เช่น การแจ้งเตือนที่นั่งด้านหลัง คำเตือนเมื่อรถออก และระบบรองรับเบรกอัจฉริยะเวอร์ชันปรับปรุงที่มีการตรวจจับคนเดินถนนในเวลากลางคืน และเทคโนโลยีลดการชนที่ด้านหน้า
สำหรับตลาดอเมริกานั้น ยังมีตัวเลือกในรุ่นที่มีกำลังสูงกว่าอย่างรุ่น 2.5 Turbo Premium Plus ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์สี่สูบขนาด 2.5 ลิตรที่คุ้นเคยซึ่งให้กำลัง 256 แรงม้า (hp) 433 นิวตันเมตร อย่างไรก็ตาม อัตราการประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 25 mpg (9.4 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร) สำหรับการใช้งานในเมือง 31 mpg (7.58 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร) สำหรับทางหลวง และเฉลี่ยที่ 28 mpg (8.4 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร)
ในส่วนของราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดอเมริกาเหนือนั้น Mazda CX-50 2025 จะมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 30,300 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 1.10 ล้านบาท ในขณะที่รุ่นท็อปสุดอย่าง CX-50 2.5 Turbo Premium Plus จะมีราคาจำหน่ายที่ 43,300 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 1.57 ล้านบาท ในขณะที่ CX-50 Hybrid จะมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 33,970 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 1.23 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.carscoops.com