ประกาศอย่างชัดเจนโดยผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น เกี่ยวกับการพัฒนาโมเดลพลังงานไฮบริดและไฟฟ้าแบบ 100% บนโมเดลในแนวทางของ SUV กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ MX-30 ที่คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดในปี 2022 โดยกระแสข่าวลือสุดมีการนำเสนอว่าทางผู้ผลิตกำลังพิจารณานำเอาเครื่องยนต์ Rotary มาเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานในระบบขับเคลื่อน ที่จะช่วยให้ตัวรถสามารถวิ่งทำระยะได้มากขึ้นบนแบตเตอรี่ชุดเดียวกัน
[adsforwp id=”1302″]
โดยข่าวลือที่ว่าเกิดขึ้นในประเทศออสเตรเลีย จากการรายงานของ caradvice สื่อออนไลน์ชื่อดังจากแดนจิงโจ้ ที่อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mazda ภายในประเทศ ว่าทางผู้พัฒนากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำเอาเครื่องยนต์โรตารี่มาเป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางได้ไกลกว่าช่วง 224 กิโลเมตร หรือ 200 กิโลเมตร บนแบบวัด WLTP ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
โดยที่ตัวรถนั้นยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการนำเข้าระบบพลังงานภายนอก ด้วยการชาร์จไฟไปเก็บไว้ที่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 35.5kWh ให้เต็ม แต่ตัวขยายช่วงจะให้ระยะทางเพิ่มเติมที่ยังไม่ได้รับการยืนยันกับช่วงที่มีอยู่ของรถ ซึ่งหากเราจะเทียบกันแบบคร่าวๆ แล้วเครื่องยนต์โรตารี่ที่สามารถสร้างระยะได้ 224 กิโลเมตร บวกกับพลังงานบนแบตเตอรี่อีกประมาณ 143 กิโลเมตร ก็จะทำให้ Mazda MX-30 EV นั้นมีความสามารถในการวิ่งทำระยะอย่างน้อยที่สุด 350 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
[adsforwp id=”1302″]
อย่างไรก็ดี Vinesh Bhindi กรรมการผู้จัดการ Mazda ออสเตรเลียกล่าวกับสื่อที่ งาน MX-30 ในเมลเบิร์นไว้ว่า “การผลิตจะเริ่มในไตรมาสแรกของปี 2022 แต่ยังไม่คอนเฟิร์มว่าเราจะได้ทำการผลิตเจ้า EV อย่างเต็มรูปแบบ” ในขณะที่ Mr Alastair Doak หนึ่งในคณะผู้บริหารของ Mazda Australia ก็ได้กล่าวเสริมถึงเรื่องเครื่องยนต์โรตารี่ไว้ว่า
“มีคนที่ชื่นชอบเครื่องยนต์โรตารีและฉันคิดว่ามันจะยังคงเป็นผู้ที่ใช้งานรุ่นแรกๆ และผู้ที่สนใจในเทคโนโลยี วิธีการทำงานของคือ มันไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อให้ส่งกำลังไปยังระบบขับเคลื่อน แต่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มันสร้างกระแสไฟฟ้าจากนั้นปั๊มเข้าไปในแบตเตอรี่ นั่นหมายความว่าคุณสามารถขับรถได้ไกลขึ้นมากโดยใช้มันเป็นเครื่องขยายระยะ โดยจะมีการทำระบบตัดการส่งพลังงานแบบอัตโนมัติเมื่อประจุในแบตเตอรี่มีปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งเรากำลังพัฒนามันเพื่อให้สามารถตอบโจทย์การเพิ่มระยะในการวิ่งให้ได้มากที่สุดและปลอดภัยมากที่สุด”
ตามหลักการแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปแบบที่ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ e-Power ของทาง Nissan ที่ใช้เครื่องกำเนิดพลังงานมาปั่นกระแสไฟมาเก็บยังแบตเตอรี่ เพียงแต่รูปแบบเครื่องยนต์จะมีขนาดที่เล็กกว่าและมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า แต่จะมากน้อยขนาดไหนคงต้องรอดูกันในอนาคต
Credit : www.caradvice.com.au
[adsforwp id=”1302″]