เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Meet Mercedes DIGITAL # 6 งานแสดงรอบปฐมทัศน์ของผลิตภัณฑ์ใหม่จาก Mercedes ผู้ผลิตสัญชาติเยอรมัน โดยในงานดิจิตอลโชว์ครั้งนี้ ทางผู้ผลิตได้นำเสนอรถยนต์ซุปเปอร์คาร์รุ่นใหม่ Mercedes-AMG GT Black Series ที่ทางผู้ผลิตได้กล่าวขานว่ามันคือ pure driving machine ที่แท้จริง
[adsforwp id=”1302″]
โดยเจ้า Mercedes-AMG GT Black Series ถูกพัฒนาโดยทีมงานของ Mercedes-AMG พร้อมเทคโนโลยีล่าสุดที่พัฒนาในกีฬามอเตอร์สปอร์ต มันจะเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการผลิตที่จำกัด ด้วยการออกแบบในแนวความคิด “demonstrates ultimate movement” ที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะการเคลื่อนไหวขั้นสุดยอด ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ พร้อมด้วยระบบหล่อลื่นแบบ dry sump lubrication system เทอร์โบชาร์จเจอร์มีล้อคอมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่ ปริมาณอากาศที่ให้ต่อชั่วโมงเกินกว่า Mercedes-AMG “GT R” 900 กก. และสูงถึง 1100 กก. มันยังมาพร้อมกับอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่
Mercedes AMG GT Black Series จะมีกำลังสูงสุด 730 แรงม้า / 6700-6900 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุด 81.6kgm / 2000-6000 รอบต่อนาที เพลาลูกเบี้ยวใหม่และท่อร่วมไอเสียถูกปรับให้เข้ากับลำดับการจุดระเบิดใหม่เพื่อปรับปรุงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยที่ตัวรถมาพร้อมกับความสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 3.2 วินาที ส่วน Top Speed จะอยู่ที่ 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดบระบบขับเคลื่อนแบบ RWD ผ่านระบบส่งกำลังแบบ Dual Clutch 7 ระดับ “AMG SPEEDSHIFT DCT 7G” ที่ตั้งอยู่บนเพลาหลัง ได้รับการเสริมแรงเพื่อรองรับแรงบิดสูงสุดที่ 81.6 KGM
[adsforwp id=”1302″]
โมเดลใหม่นี้จะมาพร้อมกับฟังก์ชั่น “race start function” ที่ได้รับการปรับปรุงโดยการเพิ่มความเร็วของเครื่องยนต์เมื่อเริ่มต้น การปรับปรุงประสิทธิภาพของการควบคุม Traction Control ที่สามารถปรับได้ถึง 9 ระดับ อัตราส่วนเกียร์เปลี่ยนไป โดยที่ตัวรถมีความสามารถเร่งความเร็วทางตรงจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 9 วินาที โดยมีระบบ “torque tube” ที่เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และมีน้ำหนัก 13.9 กิโลกรัม มันเบากว่าอลูมิเนียมของ Mercedes AMG GT ประมาณ 40% เพลาขับทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา
Mercedes AMG GT Black Series มาพร้อมกับระบบช่วงล่างแบบสปอร์ต โดยที่ระบบเบรกจะเป็นการเลือกใช้งานจานเบรกแบบคาร์บอนเซรามิก ผ้าเบรคเฉพาะดิสก์และระบบระบายความร้อนของเบรกที่ได้รับการปรับปรุงให้พลังในการเบรกที่ทรงพลัง ล้ออลูมิเนียมมาตรฐานยังช่วยลดน้ำหนักตัวรถได้เป็นอย่างดี ระบบกันสะเทือนแบบ double wishbone พวงมาลัยแบบ steering knuckle ระบบควบคุมล้อ front and rear hub carriers ล้วนถูกผลิตด้วยนวัตกรรม forged aluminum เพื่อลดน้ำหนัก ระบบกันสะเทือน double wishbone ใช้เทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ตแยกส่วนรองรับล้อและฟังก์ชั่นช่วงล่างและรองรับเสาสปริงและเสาแดมเปอร์ที่มีลิงก์ด้านข้างที่ต่ำกว่า ดังนั้นในขณะที่เข้าโค้งในสถานการณ์ที่ลดการเคลื่อนไหวในแนวดิ่ง ผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมตัวรถได้อย่างแม่นยำ พร้อมด้วยตัวช่วยอย่างระบบ “AMG Ride Control” ที่ช่วยเหลือในการปรับแต่งระบบกันสะเทือนทั้งหน้าและหลังให้เหมาะสมกับพื้นผิวและสภาพของถนนหรือสนามการแข่งขัน
นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่หรือ “AMG dynamic select” ที่มาพร้อมกับโหมดมาตรฐาน C (Comfort) ที่ช่วยในการจัดลำดับความสำคัญของความสะดวกสบายในการขับขี่ S (Sport) เหมาะสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งหรือทางหลวงที่สามารถใช้ความเร็วสูงได้ และโหมดสุดท้าย S+ (Sport Plus) ที่จะปลดปล่อยพละกำลังทั้งหมดของตัวรถออกมาอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีระบบ “AMG Limited Slip Diff” ป้องกันการสูญเสียการควบคุมที่ล้อหลังจากการส่งกำลังที่มากเกินไป
Credit : spyder7.com
[adsforwp id=”1302″]