สำหรับแบรนด์รถยนต์สุดหรูจากประเทศเยอรมันอย่าง Mercedes-Benz อาจจะเป็นแบรนด์ในฝันของนักขับส่วนใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มผู้ใช้งานที่มีอายุสักหน่อย ด้วยความมั่นใจในประสิทธิภาพ งานประกอบ และชื่อเสียงที่สะท้อนความหรูหราของตัวรถ ที่ช่วยยกระดับผู้ขับขี่ให้มีคลาสอีกระดับ แต่บนผลิตภัณฑ์มากมายจาก Mercedes-Benz ก็ยังมีอีกไลน์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าถึงผู้ขับได้อย่างง่ายดาย อย่างเจ้า A-Class ที่เราจะขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์ในตระกูลนี้ให้มากขึ้น
[adsforwp id=”1302″]
1997 Mercedes-Benz A-Class
Mercedes-Benz A-Class คันแรกเกิดขึ้นในปี 1997 โดยจัดให้เป็นรถยนต์เกรดของ Segment รถยนต์ขนาดเล็ก ที่มีจุดเด่นในเรื่องของขนาดตัวรถที่เล็กกระทัดรัด วงล้อขนาด 15 นิ้ว และตัวถังที่ออกแบบให้อวบอั้น เป็นที่ถูกใจของวัยรุ่นโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นเพศหญิง จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงในเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่หันไปใช้งานโครงสร้างใหม่ โดยทิ้งแพลตฟอร์มดั่งเดิมของตัวรถไปใช้กับรถยนต์ EV และ FCV ต่อมาในเจนเนอเรชั่นที่สาม ในปี 2012 ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งด้วยการแนวทางของตัวรถ Htchback ขนาดเล็กมาตรฐานเพื่อต่อสู่กับคู่แข่งอย่าง Volkswagen Golf และ BMW 1 Series รวมไปถึงรถยนต์ขนาดเล็กจากประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น
การเดินทางมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 4 ในปัจจุบัน โดยมี A180 และ A200 เป็นโมเดลหลักของตระกูล ได้รับการขัดเกลาเพิ่มเติม เมื่อมองแวบแรก ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นที่ 3 มากนัก แต่คุณภาพของภายในและภายนอกได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และได้รับการปรับแต่งให้เป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับตลาดประเทศไทยนั้น Mercedes-Benz A-Class มีให้เลือกใช้งานกัน 2 รุ่น ประกอบไปด้วย A200 Progressive และ A200 AMG Dynamic ดีไซน์ภายนอกมากับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity เน้นความเรียบง่าย คลาสสิค และให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส โครงสร้างภายนอกตัดทอนเส้นสายและช่องว่างให้มีน้อยที่สุด
[adsforwp id=”1302″]
2020 Mercedes-Benz A200 AMG Dynamic
สำหรับรุ่น A200 AMG Dynamic ติดตั้งล้อขนาด 18 นิ้ว ลาย 5 ก้านแบบคู่ ส่วนรุ่น A200 Progressive มากับล้อขนาด 17 นิ้ว และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance ที่มีความเพรียวบาง และกรอบโครเมียม ที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวัน (DRL) แบบ LED คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบMBUX ใหม่ สั่งการผ่านระบบสัมผัสได้ ระบบการเชื่อมต่อ MBUX ใหม่ล่าสุด พร้อมกับความสามารถใหม่ล่าสุด รองรับการสั่งงานด้วยเสียง และหน่วยความจำเสียง ช่องลมระบบปรับอากาศการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบพัดของเครื่องบินส่วนตัวที่หรูหรา
2020 Mercedes-Benz A200 Progressive
เฉพาะรุ่น A 200 AMG Dynamic พวงมาลัยตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัด หุ้มด้วยหนังชนิด Nappa เบาะที่นั่งเป็นแบบ Sport seat หุ้มด้วยหนัง ARTICO / DINAMICA Microfibre เข็มขัดนิรภัยตกแต่งด้วยสีแดง และมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ ระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ให้เลือกถึง 64 สี
สำหรับขุมกำลังที่เป็นหัวใจของตัวรถ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G DCT) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.1 วินาที อัตราการปล่อยไอเสีย 119-124 กรัม/กม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 19.2 กม./ลิตร
ในส่วนของระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-Benz A-Class ทั้งสองรุ่นในประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) และระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking package with reversing camera) พร้อมบริการ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รองรับฟังก์ชั่นการทำงานหลักเช่น Mercedes-Benz emergency call system, Vehicle Monitoring, Vehicle Set-up, Maintenance Management และ Online Booking สำหรับการนัดหมายเข้าใช้บริการต่างๆโดยตรงกับศูนย์ซ่อม
ในปัจจุบัน Mercedes-Benz A200 Progressive และ A200 AMG Dynamic นั้นมีงานประกอบที่ทำการผลิตในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และมีการทำราคาที่จัดว่าเป็นรถยนต์มือหนึ่งภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz ที่ราคาย่อมเยาที่สุด ณ เวลานี้ โดยค่าตัวของ Mercedes-Benz A200 จะเริ่มต้นที่ 1.99 ล้านบาท และมีราคาสูงสุดกับรุ่น A 200 AMG Dynamic ที่ราคา 2.15 ล้านบาท และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเองก็มีการจัดโปรโมชั่นที่น่าสนใจด้วยการผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 20,200 บาทต่อเดือนเท่านั้น ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปชมตัวรถ พร้อมกับรับรายละเอียดต่างๆได้ที่โชว์รูมและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz ใกล้บ้านท่านได้เลยครับ
[adsforwp id=”1302″]