เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ MG Cyberster รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่ในงาน Chengdu Motor Show 2023 หลังจากที่เคยวิ่งโชว์ตัวไปก่อนหน้านี้ที่งาน Goodwood Festival of Speed ประเทศอังกฤษ โดยตัวรถได้สร้างกระแสความฮือฮาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
[adsforwp id=”1302″]
ย้อนหลังกลับไปในปี 2021 MG Cyberster ยังคงเป็นฐานของรถแนวคิด ก่อนที่ SAIC ต้นสังกัดจะเปิดไฟเขียวให้เริ่มพัฒนาตัวรถให้เข้าสู่การผลิตจริงในช่วงต้นปี 2022 จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์และสามารถนำเอาไปวิ่งโชว์ได้ที่งาน Goodwood Festival of Speed เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งรุ่นการผลิตจริงก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีน โดยใช้พื้นที่ในงาน Chengdu Motor Show 2023 เป็นสถานที่ในการเปิดตัว
[adsforwp id=”1302″]
และหัวใจของรถสปอร์ตสองที่นั่งคันนี้คือมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ ที่สามารถรีดกำลังสูงสุดได้มากถึง 536 แรงม้า (HP ) พร้อมกับแรงบิดสูงสุดที่มากถึง 535 LB-FT ที่มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 3.2 วินาที มาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่ขนาด 77 kWh รองรับระยะทางวิ่งสูงสุด 360 ไมล์ (580 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จ 1 รอบ จากการทดสอบมาตรฐาน CLTC
โดยนั่นคือทั้งหมดที่ MG ยินดีที่จะเปิดเผยในขณะนี้ แต่จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) ของจีน Cyberster มีน้ำหนักค่อนข้างมาก โดยอยู่ที่ 4,376 ปอนด์ (ประมาณ 1.98 ตัน) โดยมีขนาด 4535/1913/1329 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2690 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดและน้ำหนักตัวที่มากกว่า Mazda MX-5 Miata ที่ว่ากันว่าจะเป็นคู่แข่งกันโดยตรง
นอกจากนี้แล้ว MG ยังมีความตั้งใจที่จะผลักดันตัวรถรุ่นที่มีน้ำหนักเบากว่า ด้วยการติดตั้งมอเตอร์แบบชุดเดียวที่ล้อหลัง โดยจะมีพละกำลังประมาณ 300 แรงม้า (HP) ในขณะที่แบตเตอรี่จะมีความจุที่ลดลงมาอยู่ที่ 64 kWh และสามารถวิ่งได้ 323 ไมล์ (520 กิโลเมตร) จากการทดสอบมาตรฐาน CLTC
และในส่วนของข้อมูลที่มีการเปิดเผยบางส่วนผ่านหน้าเว็บไซต์หลักของ MG ในประเทศจีน ได้เปิดเผยว่าตัวรถนั้นจะใช้ระบบเบรกจากแบรนด์ Brembo พร้อมคาลิปเปอร์แบบคงที่สี่ลูกสูบ โรลบาร์ที่มีความแข็งแกร่งสูง และวิธีการปรับแต่งรถโดยวิศวกร F1 ชาวอิตาลี Marco Fainello ภายในห้องโดยสารจะติดตั้งหน้าจอแสดงผลส่วนกลางที่มีการเลือกใช้ชิพเซต Qualcomm Snapdragon 8155 และใช้ประโยชน์จากกราฟิก Unreal Engine 4.0 พร้อมลำโพง Bose ระดับพรีเมี่ยม
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ผลิตยังไม่เปิดเผยเรื่องของราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศจีน แต่มีความเป็นไปได้ว่า ราคากำลังจะตามมาในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมกับการเปิดตัวในประเทศอังกฤษ ส่วนการจำหน่ายนั้น หลักๆ แล้วจะเริ่มต้นที่ประเทศจีนเป็นที่แรก ก่อนจะข้ามไปจำหน่ายในอังกฤษ ต่อด้วยประเทศในสหภาพยุโรป ส่วนตลาดเอเชียและอเมริกานั้น ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล ณ ตอนนี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]