MG เปิดตัว ZS Hybrid+ ใหม่ ซึ่งเป็น B-SUV ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังที่จะต่อยอดความสำเร็จของ ZS รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นรถขายดีเป็นอันดับต้นๆ ของแบรนด์ในหลายๆ ตลาด โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร
แม้ว่าความสวยงามจะอยู่ที่สายตาของผู้มอง แต่รถครอสโอเวอร์รุ่นนี้ก็มีแผงหน้าปัดที่แสดงออกถึงอารมณ์ได้พร้อมกระจังหน้าทรงรีที่ล้อมรอบด้วยม่านอากาศแนวตั้ง ร่วมกับชุดไฟ LED และที่ปัดน้ำฝนแบบตรวจจับปริมาณน้ำฝนอัตโนมัติ ที่ด้านข้าง เราจะเห็นแผ่นปิดตัวถังที่ทำจากพลาสติกและเส้นสายที่โค้งขึ้นด้านบน นักออกแบบยังให้เรือนกระจกขนาดใหญ่และล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้วแก่รุ่นนี้ด้วย
การออกแบบภายนอกนั้นค่อนข้างผสมผสานกันเล็กน้อย แต่ไม่สามารถพูดแบบเดียวกันได้กับห้องโดยสาร เนื่องจากมีการออกแบบที่เรียบง่ายและหรูหรา MG ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก แต่ผู้ขับขี่จะพบกับแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว รวมถึงระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 12.3 นิ้วพร้อมระบบนำทาง GPS, Android Auto และ Apple CarPlay ไฮไลท์อื่นๆ ได้แก่ ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ ระบบเสียง 6 ลำโพง และเบาะผ้าสีดำ
ชุดระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ MG Pilot มาพร้อมมาตรฐานและประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบช่วยรักษาเลน ระบบเตือนออกนอกเลน และระบบเบรกฉุกเฉินพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนและคนปั่นจักรยาน นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจจับจุดบอด ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนการจราจรด้านหลัง และระบบช่วยการจราจรขณะติดขัด
สำหรับการเปิดตัวในสหราชอาณาจักร จะมีรุ่นพิเศษ Trophy โดยจะต้องเพิ่มเงินอีก 2,500 ปอนด์ (ราวๆ 112,270 บาท) โดยจะมาพร้อมกระจกความเป็นส่วนตัว กล้องมองรอบทิศทาง และล้อขนาดใหญ่ขึ้น 18 นิ้ว นอกจากนี้ ยังได้รับเบาะนั่งคู่หน้าปรับความร้อนได้ พวงมาลัยปรับความร้อนได้ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าและวัสดุทั้งหมดจะถูกอัปเกรดเป็นหนังแท้ทั้งหมด
ในเรื่องของระบบส่งกำลังนั้น MG ZS Hybrid+ 2025 จะมาพร้อมกับขุมกำลัง 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 1.83 kWh โดยระบบส่งกำลังทั้งหมดจะมีกำลังสูงสุดรวมที่ 193 แรงม้า (hp) และมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 8.7 วินาที ที่สำคัญกว่านั้น รุ่นนี้ยังมีคะแนนการประหยัดเชื้อเพลิงรวม มาตรฐาน WLTP ที่ 4.57 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร
MG ZS Hybrid+ 2025 จะเริ่มจำหน่ายในสหราชอาณาจักรในเดือนตุลาคมนี้และมีราคาเริ่มต้นที่ 21,995 ปอนด์ หรือราวๆ 987,700 บาท ส่วนการทำตลาดในภูมิภาคอื่นๆ นั้น คาดว่าจะตามมาในเร็วๆ นี้ ส่วนประเทศไทย คงต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการของ MG Thailand กันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.carscoops.com