MINI ผู้ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กสัญชาติอังกฤษ ได้ประกาศแผนการที่จะปรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่โดยมุ่งเน้นที่การขยายความสามารถในการใช้พลังงานไฟฟ้า เสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดของค่ายในประเทศจีนและเพิ่มความมุ่งมั่นในกลุ่มครอสโอเวอร์และกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กระดับพรีเมียม
[adsforwp id=”1302″]
ในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา MINI กลับมาปลุกปั้นแบรนด์ของตัวเองให้สามารถต้านทานกับยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านได้อย่างแข็งแกร่ง เราได้เห็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ ที่ยังคงความเป็น MINI ได้อย่างชัดเจน และในความพยายามทั้งหลายของบริษัท คือการผลักดันตัวเองขึ้นไปยืนในแถวหน้าของผู้ผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งแบบเต็มรูปแบบอย่างที่เราพึ่งจะได้เห็น MINI Cooper SE รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เข้าร่วมการแข่ง Rally ที่ฮังการีเมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมา และความพยายามครั้งต่อไปของทางค่ายนั้นก็กำลังจะเริ่มในไม่ช้านี้
MINI Cooper SE
อย่างไรก็ตามแบรนด์ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เนื่องจากยังคงนำเสนอเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ซึ่งเป็นทางออกที่ดีสำหรับกลุ่มเป้าหมายและภูมิภาคที่ยานพาหนะไฟฟ้ายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการเดินทางทั้งหมดได้ ดังที่กล่าวไปแล้วกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะไม่ได้รับการนำเสนอด้วยเครื่องยนต์สันดาปสากลต่อไป โดยที่จะยังไม่เปลี่ยนรูปแบบมาใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในทุกๆ รุ่น
[adsforwp id=”1302″]
ความพยายามครั้งใหม่ของ MINI ในครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ผลิตชาวจีนอย่างบริษัท Great Wall Motors (GWM) โดยทั้งสองบริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการร่วมมือกันสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบและไฮบริด โดยใช้สภาปัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ได้ร่วมมือกับ GWM ในการพัฒนา โดยจะเริ่มเปิดสายการผลิตกันในปี 2023 แม้ว่า MINI จะไม่ได้ระบุรายละเอียดเฉพาะเจาะจงมากนัก แต่เชื่อกันว่า MINI กำลังจะเดินหน้าพัฒนาโมเดลครอสโอเวอร์ขนาดเล็กในรูปแบบทั้งไฟฟ้า 100% และไฮบริด รวมไปถึงโมเดลสามประตูขนาดเล็กที่เป็นไฟฟ้าเต็มรูปแบบสำหรับตลาดในประเทศจีน
มีคำใบ้ที่น่ากลัวเกี่ยวกับอนาคตของรุ่น JCW โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทกล่าวว่า“ โมเดลของ John Cooper Works คิดเป็นประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมดสำหรับแบรนด์ MINI ในขณะที่รุ่นไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง” นี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของแบรนด์ก็เป็นไปได้
Credit : www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]