Mitsubishi Outlander PHEV เจเนอเรชั่นที่ 4 รุ่นปรับปรุงใหม่ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว และจะวางจำหน่ายในญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดย 20 ประเทศในยุโรปเตรียมต้อนรับรุ่นปลั๊กอินไฮบริดในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดเกี่ยวข้องกับระบบส่งกำลังของ Outlander PHEV ซึ่งได้รับการปรับปรุงด้วยแบตเตอรี่ใหม่ที่มีความจุ 22.7 kWh เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีความจุ 20 kWh ตามข้อมูลของ Mitsubishi ระยะทางที่ใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวคือสูงสุด 86 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
ชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ยังสามารถส่งกำลังต่อเนื่องได้สูงกว่าเดิม 108% เนื่องจากความต้านทานภายในของแบตเตอรี่ลดลง ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวใหม่ช่วยให้ชุดขับเคลื่อนสามารถปลดปล่อยศักยภาพได้อย่างเต็มที่ และระบบปั๊มความร้อนช่วยปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสมเพื่อให้ระยะทางของรถ EV ยาวนานขึ้นในสภาพอากาศหนาวเย็น
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 2.4 ลิตรแบบ NA ให้กำลัง 136 แรงม้า (PS) และแรงบิด 203 นิวตันเมตร ในทำนองเดียวกัน มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้ายังคงให้กำลัง 116 แรงม้า (PS) และแรงบิด 255 นิวตันเมตร ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังให้กำลัง 136 แรง้มา (PS) และแรงบิด 195 นิวตันเมตร พร้อมกับระบบขับเคลื่อน Super All Wheel Control (AWC) เป็นพื้นฐาน
กำลังรวมของระบบคือ 306 แรงม้า (PS) ซึ่งช่วยให้ทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุดในโหมด EV คือ 135 กม./ชม. ทางผู้ผลิตกล่าวว่าความจุถังน้ำมันได้รับการเพิ่มเป็น 53 ลิตร และอ้างว่าสามารถวิ่งได้ระยะทางรวมโดยประมาณได้ถึง 844 กิโลเมตรต่อรอบ ผู้ใช้จะสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด ได้แก่ EV (ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วน), Series Hybrid (เครื่องยนต์สร้างไฟฟ้าเมื่อจำเป็น) และ Parallel Hybrid (มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำงานประสานกัน) นอกจากนี้ ยังจัดการพลังงานได้ด้วยโหมด Normal (ปรับระบบขับเคลื่อน EV/Hybrid โดยอัตโนมัติ), EV, Save (รักษาระดับการชาร์จแบตเตอรี่) และ Charge (ชาร์จแบตเตอรี่)
ในส่วนของการชาร์จแบตเตอรี่นั้น สามารถชาร์จได้โดยใช้การเชื่อมต่อ Type 2 หรือ CHAdeMO พร้อมรองรับการชาร์จจากกล่องชาร์จที่บ้าน เพื่อให้สามารถจ่ายไฟระหว่างบ้านและรถได้เมื่อจำเป็น ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่ไฟฟ้าขัดข้อง Mitsubishi ยังยืนยันการติดตั้งระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งใหม่ ซึ่งทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและมีความแข็งแกร่งสูง เพื่อช่วยลดน้ำหนักและให้การขับขี่ที่ดีขึ้น โหมดการขับขี่ที่เลือกได้ ได้แก่ Normal, Eco, Power, Tarmac, Gravel, Snow และ Mud และยังมีรูปแบบการบังคับเลี้ยวที่ปรับปรุงใหม่เพื่อให้ควบคุมได้ง่ายขึ้นและตอบสนองได้ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งคือดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งวัดได้ 350 มิลลิเมตร ติดตั้งไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ติดตั้งไว้ในล้ออัลลอยด์ขนาด 18 หรือ 20 นิ้วของรถ
การออกแบบล้อแบบ 6 ก้านใหม่ซึ่งวัดได้ 20 นิ้วก็เป็นส่วนหนึ่งของการอัปเดตนี้เช่นกัน พร้อมกับสี Moonstone Grey และไฟท้ายที่มีการปรับปรุงอย่างละเอียดอ่อน และเลนส์ที่ชัดเจนขึ้น ภายในก็ยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าระบบจอสัมผัสอินโฟเทนเมนท์จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 12.3 นิ้ว แทนที่จะเป็น 9 นิ้วเหมือนอย่างเดิม ระบบอินโฟเทนเมนท์ได้รับ Android Auto แบบไร้สายเพิ่มเติมจาก Apple CarPlay แบบไร้สายที่เคยมีมา ในขณะที่ระบบเสียง Yamaha 12 ลำโพงในรุ่นสเปกสูงกว่าจะมาแทนที่ระบบเดิมที่มาจาก Bose โดยยังมีระบบ 8 ลำโพงที่เล็กกว่าให้เลือกใช้ด้วย
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใน Outlander PHEV ได้แก่ ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้านหลัง ระบบตรวจจับจุดบอดพร้อมระบบช่วยเปลี่ยนเลน ระบบเตือนออกนอกเลน ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบจดจำป้ายจราจร และระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ใหม่
ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าตัวรถจะมีการปรับราคาขึ้นจากเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่จะเพิ่มขึ้นมากน้อยขนาดไหนนั้น คงต้องรอการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก creative311.com