หลังจากเปิดตัวในประเทศจีนไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Mona M03 ก็ถูกจับจ้องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทำราคาที่เรียกได้ว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก แต่แม้ว่าราคาของตัวรถจะมีราคาขายที่ดูเหมือนจะขาดทุน แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับมองว่า มันเป็นผลดีและน่าจะสร้างผลกำไรระยะยาวให้กับบริษัทได้
สำหรับ Mona M03 นั้นในภาพรวมจะเป็นรถซีดานแบบ 4 ประตู แต่จะมีประตูท้ายแบบ liftback ที่ให้อารมณ์ที่คล้ายกับรถแฮทช์แบ็ก เป็นผลิตภัณฑ์จากการวิจัยและพัฒนามากกว่าสี่ปีของ Xpeng ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ของประเทศจีน และมีเป้าหมายในการขยายตลาดในต่างประเทศเร็วๆ นี้
He Xiaopeng ประธานบริษัท Xpeng ได้ออกมาตอบคำถามจากสื่อมวลชนประเทศจีน โดยได้อธิบายถึงวิธีหลักอย่างหนึ่งที่ Xpeng สามารถผลิตรถยนต์ในราคาต่ำได้ ซึ่งก็คือการมุ่งมั่นในการควบคุมต้นทุนผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เขาเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าในการจัดการพลังงานของรถยนต์ที่ช่วยให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ไกลขึ้นด้วยความจุแบตเตอรี่ที่น้อยลง โดยสังเกตได้จาก รุ่น 550 Max ซึ่งมีน้ำหนักมากที่สุดจากทั้ง 3 รุ่น แต่กลับมีน้ำหนักเพียง 1,739 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเบามากสำหรับรถ EV ในไซส์ที่ใกล้เคียงกัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไม Mona M03 ช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งจากแบตเตอรี่ขนาดเล็กลงได้ โดยอ้างว่ามีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำที่สุดสำหรับรถแฮตช์แบ็กไฟฟ้าที่ผลิตจำนวนมาก รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 620 กม. จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตขนาด 62.2 kWh และรองรับระยะทางวิ่งสูงสุด 620 กิโลเมตรต่อชาร์จ และเมื่อลองเทียบกับรถ EV ที่มีขนาดใกล้เคียงกันและมีความจุแบตเตอรี่ที่เท่าๆ กัน รถยนต์ในตลาดส่วนใหญ่จะวิ่งได้ที่ราวๆ 480 ถึง 560 กิโลเมตรต่อชาร์จเท่านั้น
ตามข้อมูลของ Xpeng การเพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิคไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหมายความว่า Mona M3 สามารถตั้งราคาให้แข่งขันได้มากขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งไม้เด็ด ที่สามารถวางตัวเองให้แข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันที่สูงมากได้
Yang Guang ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Xpeng ได้กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทคือการขายรุ่นนี้ให้ได้ 10,000 คันต่อเดือน ซึ่งเป้าหมายนี้ถูกทำลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่การเปิดรับจองล่วงหน้าเพียง 52 นาที และยังคงมียอดจองเพิ่มขึ้น ซึ่งนับตั้งแต่เปิดรับจองครั้งแรกในวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 28 สิงหาคม ยอดจองของตัวรถ 2 รุ่น 515 long battery life และ 620 long battery life มียอดจองสะสมทะลุ 30,000 คันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
He Xiaopeng ประธานบริษัท Xpeng เปิดเผยว่าแม้จะมีราคาที่ต่ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ Mona M03 ทุกเวอร์ชันก็สามารถสร้างกำไรได้ ซึ่งตรงกับผู้เชี่ยวชาญยานยนต์ในประเทศที่เห็นตรงกัน โดยมีรายงานว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ Xpeng เพิ่มขึ้นในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมา และในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ก็สูงถึง 14% ซึ่งสูงกว่าของ Nio อย่างไรก็ตาม ระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2024 บริษัทขายรถได้เพียง 63,000 คัน ซึ่งคิดเป็นเพียง 22.6% ของเป้าหมายประจำปี แม้ว่า Xpeng จะคาดหวังสูงว่า Mona M03 จะเพิ่มปริมาณการผลิต แต่ตัวเลขนี้มาจากรถที่ถูกที่สุดของบริษัท ดังนั้นจึงไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรของบริษัท
อีกหนึ่งไม้เด็ดที่ยังคงซุกซ่อนอยู่ของ Mona M03 คือรุ่นท๊อปของคลาสอย่าง 580 Max สื่อจีนบางสำนักกล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ จะคล่ำเจ้าตลาดอย่าง Tesla Model 3 ได้อย่างราบคาบ แม้ว่าทางผู้ผลิตจะออกมาเปิดเผยว่า 580 Max จะไม่วางจำหน่ายจนกว่าจะถึงหลังตรุษจีนในปี 2025 และยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของระบบส่งกำลัง แต่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ 155,800 หยวน หรือราวๆ 743,660 บาท เท่านั้น ซึ่งด้วยคุณมบัติและเทคโนโลยีการขับขี่ ที่เทียบเท่าและอาจจะเหนือกว่า Model 3 ของ Tesla ในบางจุด ก็ทำให้ตัวรถ ถูกจับตามองอย่างมาก
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com