Hozon Auto ต้นสังกัดของแบรนด์ Neta ในประเทศจีน ได้เผยโฉม Neta S ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวหลุดออกมาว่าตัวรถจะมาพร้อมกับชื่อ Neta S “Hunting Edition” ซึ่งจะวางจำหน่ายในรุ่นไฟฟ้าล้วน (EV) และรุ่นขยายระยะทาง (EREV)
ตามที่ Hozon Auto ได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ Neta S ใช้การออกแบบแบบ Shooting Brake องค์ประกอบการออกแบบที่โดดเด่นได้แก่ ส่วนหน้าแบบปิด มือจับประตูที่ซ่อนอยู่ หลังคาฉนวนกันความร้อนแบบพาโนรามิกพร้อมฉนวนกันแสง UV 99.9% และฉนวนกันความร้อน 87.5% พร้อมการติดตั้งเซนเซอร์ lidar ซึ่งบ่งบอกถึงฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ
ตามข้อมูลที่เปิดเผยมานั้น Neta S จะมีขนาด 4980/1980/1480 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2980 มิลลิเมตร และมีระยะห่างจากพื้น 133 มิลลิเมตร รถวิ่งด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วพร้อมคาลิปเปอร์สีแดง
อ้างอิงจากข้อมูลการประกาศของ MIIT ประเทศจีน รุ่น EREV จะมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 70 แรงม้า (kW) ซึ่งจะรับหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดพลังงาน โดยมีแบตเตอรี่ 2 ขนาดให้เลือกใช้งาน ประกอบด้วย 31.71 kWh และ 13.88 kWh แต่ที่น่าสงสัยคือตัวรถจะมีระยะวิ่งด้วยพลังงาน 3 ระยะ 125, 130 และ 185 กิโลเมตรต่อรอบ ตามมาตรฐาน CLTC ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าตัวรถจะมีรุ่นมอเตอร์คู่อยู่ในตัวเลือกด้วย
ข้อสันนิฐานนี้ เชื่อมโยงกับรุ่น EV เพราะรุ่นนี้จะมีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนสองแบบประกอบด้วย ขับหลังและสี่ล้อ แม้จะยังไม่เปิดเผยขนาดของแบตเตอรี่และระยะทางในการวิ่งแต่ล่ะรอบ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าตัวรถจะมีระยะทางอย่างน้อยที่สุด 610 กิโลเมตรต่อชาร์จ และอาจจะสูงสุดถึง 910 กิโลเมตรต่อชาร์จ
ภายในห้องโดยสาร เบาะหลังสามารถพับราบได้ โดยกลายเป็นพื้นราบร่วมกับห้องเก็บสัมภาระ ส่วนห้องเก็บสัมภาระสองชั้นขนาด 593 ลิตรสามารถขยายเป็น 1,295 ลิตร ได้หลังจากพับเบาะหลังลง จากภาพจะเห็นได้ว่าหลังคาสามารถเก็บสิ่งของต่างๆ เช่น กล่องเก็บของ จักรยาน และเต็นท์สำหรับตั้งแคมป์ได้ นอกจากนี้ คาดว่าห้องโดยสารจะมาพร้อมกับตู้เย็นขนาด 6.5 ลิตร หน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาด 17.6 นิ้ว และเบาะนั่งด้านหน้าที่รองรับระบบทำความร้อน ระบายอากาศ และนวดในตัว
อย่างไรก็ตามมีรายงานจากแหล่งข่าววงในว่า ตัวรถพร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีน และมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และทางผู้ผลิตเองก็เดินหน้าเปิดไลน์การผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตัวรถจะพร้อมส่งมอบให้กับผู้ใช้ได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ในขณะที่เรื่องของราคานั้นยังคงเป็นปริศนาต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com