หลังจากที่ปล่อยโมเดลในตระกูล Corolla ออกมาหลายต่อหลายรุ่น ในที่สุด Toyota ก็ได้อัพเดทโมเดลหลักของซีรี่ส์กันเสียที กับ New Toyota Corolla 2023 ที่อเมริกาเป็นที่แรก โดยล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูล และภาพบางส่วนของตัวรถออกมาให้เราได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทคโนโลยีบนตัวรถที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับโมเดลใหม่ของ Toyota Corolla นั้นจะมีด้วยกันสองรูปแบบคือแบบ Sedan 4 ประตู ที่จะมีสองรุ่น ประกอบด้วย SE และ XSE และแบบ Hatchback 5 ประตูจะมีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น จุดที่น่าสนใจที่สุดของโมเดลใหม่ก็คือการเปลี่ยนในส่วนของขุมกำลัง โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรดั่งเดิมที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน จะถูกถอดเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โดยได้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรแบบ 4 ลูกสูบแถวเรียง ที่เคยใช้งานบน Corolla XSE รุ่นปี 2021 และ Corolla Hacthback มาก่อน โดยการอัพเดทเครื่องยนต์ใหม่นี้ก็เพื่อให้เป็นแกนหลักในการต่อสู้กับ Honda Civic และ Hyundai Elantra ที่มีการอัพเดทไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
[adsforwp id=”1302″]
ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์เท่านั้น ยังมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก โดยดึงเอางานออกแบบจากรุ่น Corolla SE และ XSE ก่อนหน้ามาทำการปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มชุดไฟหน้าใหม่ LED Lowly LE เพิ่มกันชนหลังใหม่ ในขณะที่ SE และ XSE ได้รับดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบสปอร์ตและล้อสีดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่น Hatchback เพิ่มกระจังหน้าใหม่ที่ตกแต่งด้วยโครเมียมและกันชนหลังที่ผสมผสานสีตัวถังและองค์ประกอบโครเมียมเข้าด้วยกัน ล้อขนาด 18 นิ้วโดยมีสีและลวดลายที่เหมือนกันกับรุ่น Sedan
Toyota ยังนำเสนอสีตัวถังใหม่ ในรุ่น Sedan จะมาะร้อมกับสี Underground และ Midnight Black Metallic แทนที่ Black Sand Pearl ในซีดาน รุ่น Hatchback มาพร้อมกับสี Inferno และ Blue Crush Metallic
ภายในห้องโดยสารก็มีการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้า โดยจะมีการอัพเดทระบบ Infotainment ขึ้นมาใหม่ โดยจะมีหน้าจอแสดงผลส่วนกลางขนาด 8 นิ้วพร้อมระบบ Toyota Audio Multimedia ซึ่งเป็นรูปแบบของการจัดการแบบเดียวกับที่ใช้งานบน Toyota Tundra รุ่นใหม่ล่าสุด มีการเพิ่มโปรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้นและกราฟิกที่คมชัดขึ้น มีคุณสมบัติในการรองรับความสามารถ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto เป็นมาตรฐาน และสามารถอัปเดทผ่านระบบ Over the Air ได้ พร้อมกับคุณสมบัติใหม่ ในการรับคำสั่งด้วยเสียง เพียงพูด “Hi Toyota” ก็สามารถสั่งการผ่านชุดคำสั่งได้อย่างแม่นยำ
ในส่วนระบบความปลอดภัยนั้น ยังคงใช้งานเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ Toyota Safety Sense ซึ่งโมเดลในปี 2023 ได้รับการอัพเกรดเล็กน้อย เช่นระบบแจ้งเตือนการชนล่วงหน้าพร้อมกับระบบตรวจจับคนเดินถนน การแจ้งเตือนการออกจากเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติด้วยเรดาร์แบบไดนามิก ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ระบบช่วยจำป้ายถนนและป้ายสัญญาณจารจร และไฟสูงอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
มีการอัพเดทใหม่ในกลุ่ม Hybrid โดยจะเป็นครั้งแรกของตระกูล Corolla ที่จะได้ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD โดยจะเป็นการแยกส่วนการทำงาน โดยเพลาหน้าจะรับกำลังจากเครื่องยนต์โดยตรง ส่วนเพลาหลังจะรับกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะว่าเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ตลอดเวลาเลยก็ไม่ใช่ เพราะตัวรถจะเปลี่ยนการขับเคลื่อนเป็น AWD เฉพาะในเวลาที่มีแรงฉุดลากต่ำและใช้ความเร็วต่ำเท่านั้น ซึ่งกลไกนี้จะเป็นรูปแบบเดียวกับระบบขับเคลื่อนของ Toyota Prius นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเหล่านั้นและอื่นๆ รวมถึงราคาน่าจะมาใกล้เมื่อ Toyota Corolla ปี 2023 จะมาถึงตัวแทนจำหน่ายในปลายปีนี้ ราคาดังกล่าวไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นปัจจุบันมากนัก ดังนั้น Hybrid จะยังคงอยู่ในราคาที่ไม่แพงมาก ในขณะที่ซีดาน Corolla ปกติจะเริ่มต้นที่ประมาณ 21,000 เหรียญสหรัฐหรือราวๆ 722,495 บาทโดยประมาณ
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]