สร้างกระแสได้เป็นอย่างดีสำหรับ Nissan New Note Aura ในตลาดประเทศญี่ปุ่น ด้วยการชูเครื่องยนต์ e-Power ที่ลดการปล่อยมลพิษได้เกือบ 3 ใน 4 จากเครื่องยนต์เดิม โดยล่าสุดทางผู้ผลิตได้ออกสีสันใหม่ที่เสริมภาพลักษณ์ให้กับตัวรถ ดูดีมีสไตล์และแตกต่างกว่าใครในท้องตลาด
[adsforwp id=”1302″]
โดยหลังจากเปิดตัวโมเดลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา และมียอดการจับจองที่สูงมากๆ รุ่นหนึ่งของรถยนต์ Nissan ในปัจจุบัน โดยทางผู้ผลิตเองมีกำหนดการส่งมอบตัวรถล็อตแรกให้กับผู้จับจองเป็นเจ้าของในญี่ปุ่นช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้แต่ก็มีการเลื่อนออกไปจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 จนทำให้การส่งมอบล่าช้าไปในเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม
แต่ถึงแม้ว่าจะล่าช้าไปบ้าง ทางผู้ผลิตก็ได้ออกรุ่นพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดการจองใหม่อีกครั้งด้วยชุดสี Black X Sunrise Copper ด้วยชุดตัวถังสี Midnight Black ตัดกับการเดินขอบด้วยสี Copper พร้อมทั้งการเปลี่ยนวัสดุภายในห้องโดยสารใหม่ โดยใช้ผ้าผสมกับหนังสังเคราะห์ ช่วยเพิ่มความหรูหราและมีสไตล์ให้กับผู้ครอบครอง
โดยภายนอกตัวรถรุ่นพิเศษนี้จะไม่มีการปรับปรุงจากรุ่นมาตรฐาน เพียงแต่มีชุดแต่งที่เป็นงานออกแบบพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นสเกิตซ์หน้าใหม่ที่มีการเดินขอบสี Sunrise Copper ที่ตัดกับสีตัวถัง ชุดคิ้วไฟหน้าใหม่ กระจกมองข้างสีใหม่ รวมไปถึง ขอบเสาและขอบพลังคาที่เป็นสี Sunrise Copper ที่ช่วยเสริมภาพโดยรวมให้ตัวรถดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร รับกับด้านหลัง ที่มาพร้อมกับสเกิตซ์แต่งที่เข้ารูปกับชุดรอบคัน และวงล้อลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว ที่ช่วยให้ซุ้มล้อดูเต็มกว่าเดิม
[adsforwp id=”1302″]
ภายในห้องโดยสารจะคงมาตรญานเดิมจาก Note Aura ไว้ แต่มีการเปลี่ยนวัสดุบุห้องโดยสารใหม่ รวมไปถึงเบาะนั่งทรงสปอร์ต ที่มีส่วนผสมของผ้าและหนังสังเคราะห์ โทนสีภายในจะเน้นที่สีเทาสว่างเพื่อให้ห้องโดยสารดูโปร่งกว่าเดิม เช่นเดียวกับอุปกรณ์ภายในจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นมาตรฐาน โดยยังคง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น และชุดเครื่องเสียง Bose Persona Plus ที่บริเวณพนักพิงศรีษะที่เบาะนั่งคู่หน้า และหน้าจอสาระบันเทิงขนาดใหญ่ 12.6 นิ้ว ที่รองรับความสามารถต่างๆ มากมาย
ในส่วนของขุมกำลังนั้นแน่นอนว่าจะต้องเป็นเครื่องยนต์แบบ e-Power ให้กำลังขับสูงสุด 134 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร โดยรุ่นพิเศษนี้จะมีเพียงระบบขับเคลื่อนแบบ AWD เท่านั้น
สำหรับราคานั้นยังไม่มีการเปิดเผย แต่บรรดาสื่อยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่นต่างยกเอารุ่นพิเศษนี้ ไปเทียบกับราคาที่จะอยู่ตรงกลางระหว่างเกรด G Four และ G Four leather edition ที่จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ราวๆ 2.9 ล้านเยน หรือประมาณ 863,124 บาท
Credit : creative311.com
[adsforwp id=”1302″]