จัดว่าเป็นเป็นโมเดล SUV ใน B-Segment ที่กำลังร้อนแรงเป็นอย่างมากในตลาดอินเดียกับเจ้า 2021 Nissan Magnite ที่เปิดตัวไปตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา และสร้างกระแสพร้อมด้วยยอดความต้องการที่จะครอบครองสูงถึง 40,000 คันเฉพาะในประเทศอินเดีย จึงส่งผลให้ผู้ซื้อหน้าใหม่ที่อาจจะรอการส่งมอบตัวรถถึงปลายปีกันเลยทีเดียว
[adsforwp id=”1302″]
พลิกความคาดหมายเป็นอย่างมากสำหรับเจ้า 2021 Nissan Magnite หลังจากเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็สามารถสร้างยอดจองทะลุ 40,000 คันแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวไปนั้น ทางบริษัท ได้มีการส่งมอบรถล็อตแรกจำนวนกว่า 6,500 คันให้กับลูกค้า ซึ่งดูเหมือนว่าทางบริษัทจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตเฉพาะรุ่นนี้ให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนความต้องการภายในตลาดที่สูงตาม ซึ่งหากไม่มีการปรับโครงสร้างหรือเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น ผู้ซื้อที่สั่งจองเจ้า Magnite ในเดือนมีนาคมเป็นต้นไป อาจจะได้รับมอบรถกันในช่วงปลายปี 2021 นี้เลยก็ว่าได้
โดยปัจจุบันการลำดับการส่งมอบตัวรถภายในประเทศอินเดียนั้นมีการแบ่งออกไปตามเขตเมืองเป็นหลัก โดยที่เมืองใหญ่อย่าง Delhi มีความต้องการมากที่สุด ซึ่งส่งให้ลูกค้าที่พึ่งเข้ามาจับจองเจ้า Magnite อาจจะต้องรอกันถึง 7 เดือนสำหรับการส่งมอบ รองลงมาคือเมือง Bangalore ที่อาจจะต้องรอนานถึง 5 เดือน ส่วนในเมืองอื่นๆนั้นก็ไล่เรียงไปตั้งแต่ 3 -3.5 เดือนสำหรับการรอรถใหม่ในการครอบครอง
[adsforwp id=”1302″]
ส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้า Nissan Magnite เป็นที่ต้องการของตลาดที่มากนั้น ก็เพราะตัวรถที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์สำหรับการขับขี่ที่เหมาะสม เป็นรถ SUV ที่เน้นความคล่องตัวสำหรับการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ด้วยดีไซน์ที่ถือว่ามีเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบกระจังหน้า การเดินเส้นสายของตัวรถ รูปทรงของไฟหน้าและไฟท้ายที่แฝงความสปอร์ตในดีไซน์เข้าไปด้วย ตัวรถนั้นสร้างขึ้นจากแพลตฟอร์ม CMF-A ซึ่งใช้ร่วมกับรถรุ่น Renault Triber มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จรุ่นใหม่ ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนแบบ CVT สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีดสำหรับรุ่นเริ่มต้น
และประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักของโมเดลนี้ก็คือการทำราคา ที่เรียกได้ว่าคว่ำคู่แข่งแบบเทกระจาด ด้วยราคาจำหน่ายที่เริ่มต้นเพียง 499,000 รูปี หรือราวๆ 203,900 บาท และยังมีรุ่นที่มีการไล่เรียงการตกแต่งตั้งแต่ XE, XL, XV, XV Premium และเกรดสูงสุด XV Premium (O) ที่มีราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณสี่แสนบาทต้นๆ เท่านั้น
[adsforwp id=”1302″]