Nissan Rogue หรือในบางตลาดจะใช้ชื่อ X-Trail ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุดในตลาดรถยนต์อเมริกา และการปรับเปลี่ยนใหม่สำหรับโมเดลปี 2025 จะมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ขยายออกไปรวมถึงรุ่น Rock Creek โดยรุ่นตกแต่งใหม่นี้มุ่งเป้าไปที่ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่น Pathfinder รุ่นใหญ่
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ที่ผ่านมา Nissan Rogue รุ่นปี 2024 สามารถขายได้มากถึง 141,160 คัน เฉพาะในตลาดอเมริกา ซึ่งส่งผลให้โมเดลนี้ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของฝั่ง Nissan USA และด้วยความนิยมนี้ ทำให้ผู้ผลิตมองเห็นความพิเศษในตัวผลิตภัณฑ์ และได้แยก Variant ใหม่ ที่ใช้ชื่อ “Rock Creek” เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
Nissan Rogue “Rock Creek” จะใช้พื้นฐานมาจากรุ่นมาตรฐาน และได้ปรับปรุงตัวรถใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในลักษณะกึ่งออฟโรด ด้วยการปรับขอบล้อใหม่ขนาด 17 นิ้วพร้อมกับยาง all-terrain จากแบรนด์ Falken รุ่น Wild Peak ขนาด 235/65 R17 ตัวรถจะมาพร้อมกับระบบ Hill Descent Control เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลเมื่อลงทางลาดชันโดยรักษาความเร็วให้คงที่
Nissan ได้เพิ่มโหมด Off-Road View ที่ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 12 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) หน้าที่ของโหมดนี้คือช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางที่ยากจะสังเกตเห็นได้ในขณะขับบนภูมิประเทศที่ยากลำบาก โดยจะเป็นอุปกรณ์นี้รวมมาเป็นมาตรฐานและมีเฉพาะใน Rock Creek เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่งเพิ่มเติมอีกด้วยโดยจะแตกต่างกันไปตั้งแต่กระจังหน้าสีดำเงาและฝาครอบกระจกมองข้างไปจนถึงแถบตกแต่งสีแดง Lava Red และแร็คหลังคาแบบท่อ สีตัวรถมีจำกัดเพียง Everest White, Super Black, Boulder Gray และ Baja Storm เท่านั้น
ภายในห้องโดยสารของ “Rock Creek” มาพร้อมกับเบาะหนังเทียมกันน้ำและแถบตกแต่งสีแดง Lava Red รวมถึงแผงหน้าปัดสี Piano Black เบาะนั่งคู่หน้ามีระบบทำความร้อนเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงปลั๊กไฟ 12 โวลต์ในพื้นที่เก็บสัมภาระ ประตูท้ายไฟฟ้า ไฟ LED ภายในห้องโดยสาร และฟังก์ชันหน่วยความจำสำหรับกระจกมองข้างและเบาะนั่งคนขับ และมีแพ็กเกจเสริม พวงมาลัยปรับอุณหภูมิได้ แท่นชาร์จไร้สาย และเบาะนั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง เป็นตัวเลือกที่ต้องซื้อเพิ่มภายหลัง
Nissan Rogue “Rock Creek” มาพร้อมกับระบบ ProPILOT Assist 2.1 ซึ่งช่วยให้ควบคุมรถได้โดยไม่ต้องสัมผัสเมื่อขับบนทางด่วนเลนเดียว เมื่อเปิดใช้งาน ระบบจะควบคุมการเร่ง บังคับเลี้ยว และเบรกได้ ระบบตรวจสอบรอบทิศทางพร้อมการหมุน 3 มิติ ทำให้ควบคุมรถในพื้นที่แคบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีแพ็กเสริม ที่มาพร้อมกับกล้องมองหน้ามุมกว้างพร้อมมุมมอง 176 องศา และฝากระโปรงแบบ “see-through”
ในส่วนของระบบส่งกำลังนั้น Nissan Rogue “Rock Creek” 2025 จะใช้งานเครื่องยนต์พื้นฐานที่เหมือนกับรุ่นมาตรฐาน ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 3 สูบขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 201 แรงม้า (hp) พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด225 Ib-Ft ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT และมีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนเพียงรูปแบบเดียวคือแบบ AWD เท่านั้น
ในส่วนของการจำหน่ายนั้น Nissan Rogue “Rock Creek” 2025 จะวางจำหน่ายในอเมริกาด้วยสนนราคา 36,810 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 1.26 ล้านบาทโดยประมาณ ซึ่งจะเป็นราคาที่สูงกว่า Rogue SV แต่ก็ยังย่อมเยากว่า Rogue SL AWD และ Rogue Platinum AWD
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com