หลังจากเปิดตัวโมเดลใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ แง่มุมของ 2022 Land Rover Range Rover ก็มาถึงโมเดลที่มีขนาดเล็กกว่าอย่าง 2023 Land Rover Range Rover Sport ซึ่งล่าสุดทางผู้ผลิตเองก็ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลตัวรถ และพวกเราทีมงาน Thai-Driving เองจะขอพาท่านผู้อ่านไปชมความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่นี้
[adsforwp id=”1302″]
มาดูกันที่งานออกแบบภายนอกก่อนเลย 2023 Land Rover Range Rover Sport มีองค์ประกอบการออกแบบแนวสปอร์ตที่คุ้นเคย สับเปลี่ยนด้วยความเนียนเหมือน Velar กับเลย์เอาต์ของช่องตะแกรงแบบเรียงซ้อนสามช่อง ไฟหน้าเพรียวบางแบบใหม่ ซึ่งบางที่สุดเท่าที่เคยมีมาในผลิตภัณฑ์จาก Land Rover โดยมีกันชนที่มีลูกเล่นที่ขอบเพื่อให้เห็นถึงมุมของรถได้อย่างชัดเจน ทางผู้ผลิตได้กล่าวอ้างว่าตัวรถที่ได้รับงานออกแบบใหม่นี้มีค่าสัมประสิทธิ์การลากเพียง 0.29 ซึ่งเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์มากที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา
กระจกรอบตัวรถนั้นจะมีการออกแบบพิเศษ โดยใช้เทคโนโลยี Flush Glass Glazing ซึ่งช่วยซ่อนช่องว่างที่มองเห็นได้ระหว่างหน้าต่างและตัวถัง รับมือจับประตูแบบฝังเรียบแบบเดียวกับที่ใช้งานบน Land Rover Velar เพื่อทำให้พื้นผิวดูเรียบและช่วยให้ประตูนั้นมีการปิดที่นุ่มนวลกว่าเดิม
หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าในการออกแบบ คือการรวมอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีความจำเป็นในการขับขี่ตามแบบสมัยนิยม ซึ่งเจ้า Range Rover Sport มาพร้อมกับระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ การตรวจวัดพื้นผิวระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Active พร้อมการตรวจสอบคนขับ ระบบรักษาช่องทางการเดินรถ การจดจำป้ายจราจร และกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และกล้องมองพื้น ClearSight ที่ช่วยในการขับขี่แบบ Off-Road สำหรับการมองภาพใต้พื้นรถเพื่อให้ข้ามอุปสรรคได้อย่างมั่นใจ
[adsforwp id=”1302″]
ในส่วนของขุมกำลังนั้น 2023 Land Rover Range Rover Sport มีให้เลือกใช้งานถึง 4 รูปแบบ โดยใช้พื้นฐานของแพลตฟอร์ม MLA ที่มีความสามารถในการปรับขนาดรองรับเครื่องยนต์ได้ทั้งแบบ 6 ลูกสูบเรียงและ V8 โดยรุ่นเริ่มต้นนั้นจะเป็นรหัส P360 โดยเป็นเครื่องยนต์แบบ Mind Hybrid ที่ผสมผสานขุมกำลังแบบ 6 ลูกสูบแถวเรียง Ingenium 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 355 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 269 Ib-Ft และขยับมาที่ P400 ที่ใช้งานรูปแบบเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเดียวกันกับ P360 แต่จะมีกำลังที่ 395 แรงม้า (HP) แรงบิด 406 Ib-Ft
ขยับมาที่รุ่น P440e จะเป็นระบบ PHEV หรือปลั้กอินไฮบริด ที่ผสมผสานเครื่องยนต์แบบเดียวกับ {360 และ P400 แต่จะมีการปรับกำลังใหม่ได้สูงสุด 434 แรงม้า แรงบิด 619 Ib-Ft และมีการขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าล้วนที่สามารถทำระยะได้ 48 ไมล์ หรือราวๆ 77.2 กิโลเมตร โดยใช้กำลังจากชุดแบตเตอรี่ขนาด 31.8 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105kW
รุ่นเรือธงนั้นจะเป็นรุ่น P530 First Edition ที่จะมาพร้อมกับขุมกำลัง V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมกับกำลังสูงสุด 523 แรงม้า (HP) และแรงบิดสูงสุด 553 Ib-Ft โดยตัวรถรุ่นสูงสุดนี้ไม่เพียงแต่จะมีกำลังที่มากที่สุด แต่จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งที่เน้นการใช้งานแบบ Sport และระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม และระบบIntelligent All Wheel Drive ที่พัฒนาโดยบริษัท
ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับพวงมาลัย all-wheel เพื่อการบังคับทิศทางที่ความเร็วต่ำและความเสถียรในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง และบริษัทอ้างว่าทำให้ Sport ใหม่มีวงเลี้ยวที่พอๆ กับรถ Hatchback และจะมีการติดตั้งระบบ Terrain Response 2 เพื่อใช้ในการตรวจสอบพื้นผิวของถนนและจะมีการปรับโหมดการขับขี่ให้อัตโนมัติ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบOff-Road ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการบังคับเลี้ยวและไม่ต้องพ่วงกับการเดินคันเร่งในขณะก้าวข้ามอุปสรรค
ภายในห้องโดยสารนั้น ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับเบาะนั่งคนขับที่สามารถปรับได้ 22 ทิศทาง โดยรุ่น P440 และ P530 จะได้รับเบาะนั่งพร้อมฟังก์ชั่นนวดและพนักพิงศีรษะแบบมีปีก และยังจะได้รับเบาะหลังมีพื้นที่วางขากว้าง 0.8 นิ้วที่กว้างกว่า P360 และ P400
ขยับไปที่คอนโซลกลางจะพบหน้าจอขนาด 13.7 นิ้ว พร้อมระบบสาระบันเทิงล่าสุดที่สามารถอัปเดตแบบ over-the-air ร่วมกับหน้าจอแสดงผลส่วนคนขับขนาด 13.1 นิ้ว การจัดวาง Layput จะค่อนมาอยู่ตรงกลาง ทำให้สามารถปรับค่าต่างๆได้ง่าย ระบบเสียง Meridian 29 ลำโพง พร้อมระบบ Active Noise Cancellation ที่ตัดเสียงรบกวนภายนอก นอกจากนี้ยังมีระบบกรองอากาศในห้องโดยสารขั้นสูงสำหรับการกรองสารก่อภูมิแพ้ กลิ่นและสารมลพิษออกจากภายนอก
สุดท้ายคือราคาเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนือ 2023 Land Rover Range Rover Sport รุ่น P360 SE Mild Hybrid จะเริ่มต้นที่ราคา 83,000 ดอลล่าร์หรือประมาณ 2.87 ล้านบาท รุ่น P400 SE Dynamic Mild Hybrid ราคา 90,000 ดอลล่าร์หรือราวๆ 3.12 ล้านบาท รุ่น P440e ราคา 104,200 ดอลล่าร์หรือประมาณ 3.61 ล้านบาท และสุดท้ายกับรุ่น P530 First Edition ราคา 121,500 ดอลล่าร์หรือราวๆ 4.21 ล้านบาท
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]