เมื่อราวๆ 1 ปีที่ผ่านมา Ford ผู้ผลิตรถยนต์สัณชาติอเมริกัน ได้เปิดตัวรถปิ๊กอัพ F-150 เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการรถกระบะอเมริกันเป็นอย่างมาก และล่าสุดทางผู้ผลิตจากมิชิแกน ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ F-150 รุ่นประสิทธิภาพสูงภายใต้รหัส F-150 Raptor R ในตลาดรถยนต์อเมริกาอย่างเป็นทางการ
[adsforwp id=”1302″]
Carl Widmann หัวหน้าวิศวกรของ Ford Performance กล่าว “Raptor R คือ Raptor ที่ดีที่สุดของเรา เมื่อลูกค้าสัมผัส Raptor R ในทะเลทรายและที่อื่นๆ มันจะทำให้ขนที่ด้านหลังคอตั้งขึ้น และพวกเขาจะหลงรักมันทุกวินาที”
2023 Ford F-150 Raptor R จะมาพร้อมกับขุมกำลัง V8 ซุปเปอร์ชาร์จขนาด 5.2 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ชุดเดียวกับที่ติดตั้งบน Mustang Shelby GT500 ซึ่งมีการปรับจูนใหม่ทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้ Raptor R มีกำลังสูงสุด 700 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 688 นิวตันเมตร ซึ่งจะน้อยกว่า Mustang Shelby GT500 ที่มีกำลังสูงสุด 760 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 847 นิวตันเมตร
ปัจจุบันหลักในการลดกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ลงนั้น เนื่องจากซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อปรับแถบกำลังของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานแบบออฟโรดเป็นหลัก การตั้งค่านี้จะเพิ่มการส่งแรงบิดในช่วงรอบต่ำและกลาง เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในความเร็วที่ลูกค้าใช้เวลาส่วนใหญ่ในการขับขี่บนเส้นทางที่ไม่ปกติ
[adsforwp id=”1302″]
แน่นอนว่าการตั้งค่าเครื่องยนต์สอดคล้องกับการใช้งานแบบออฟโรด ระบบช่วงล่างก็ต้องปรับตามเช่นกัน Raptor R จะมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหลังแบบห้าลิงก์ มาพร้อมอาร์มยาวพิเศษเพื่อรักษาตำแหน่งเพลาบนพื้นผิวที่ขรุขระ ในขณะที่ก้าน Panhard และคอยล์สปริงขนาด 24 นิ้วได้รับการปรับแต่งเพื่อความมั่นคง โช้ค FOX Live Valve ได้รับการปรับให้สมดุลกับคุณภาพการขับขี่และการควบคุมการหมุนบนทุกสภาพพื้นผิว
ไม่เพียงแต่ระบบกันสะเทือน แดมเปอร์ถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และใช้เซ็นเซอร์ความสูงเพื่อตรวจสอบสภาพภูมิประเทศและปรับจูนให้เหมาะสม ในที่สุด ผู้ขับขี่จะได้รับระยะการเดินทางล้อหน้า 13 นิ้ว (330 มม.) และระยะการเดินทางล้อหลัง 14.1 นิ้ว (358 มม.) ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมด “Baja” ที่เพิ่มอัตราสปริงด้านหน้าได้ถึง 5% เพื่อคุณภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น ตัวรถ Raptor R จะมีระยะห่างจากพื้นถึงท้องรถ 333 มิลลิเมตร ส่วนหนึ่งมาจากยางขนาด 37 นิ้วมาตรฐานที่ส่งตรงจากโรงงาน
ตัวรถยังได้รับการดัดแปลงที่สมบุกสมบันอีกหลายครั้งเพื่อให้สามารถรองรับการขี่แบบออฟโรดได้ดียิ่งขึ้น ระบบเกียร์เป็นแบบ SelectShift 10 สปีด พร้อมการปรับเทียบที่ออกแบบมาสำหรับรถออฟโรดโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษพร้อมแดมเปอร์เทอร์ไบน์สำหรับงานหนักและชุดเอาท์พุตด้านหลังแบบ four-pinion เพื่อมอบแรงบิดที่นุ่มนวล
เพื่อปรับปรุงความทนทานของเครื่องยนต์ Ford Performance ได้ติดตั้งท่อร่วมไอเสียสแตนเลสหล่อ ตัวทำความเย็นและตัวกรองน้ำมันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และถาดรองน้ำมันที่ลึกกว่าซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับทางชัน ปริมาณอากาศเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 ด้วยช่องอากาศเข้าที่กว้างขึ้นและตัวกรองอากาศทรงกรวยที่มีอัตราการไหลสูงและประสิทธิภาพสูงขึ้น โหมดการขับขี่ จะมีให้เลือกใช้งาน 4 โหมด ประกอบไปด้วย Normal, Quiet, Sport และ Baja ที่ปรับวาล์วแอคทีฟในระบบไอเสียคู่ที่มีท่อไอเสียแบบ Pass Through
มาถึงรูปลักษณ์ภายนอก Ford ได้มอบคุณสมบัติการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับ F-150 Raptor R ตัวอย่างเช่นกระโปรงหน้ารถมี “Power Dome” ที่สูงกว่าฮูดบน Raptor รุ่นมาตรฐาน 1 นิ้ว ในขณะที่กระจังหน้ามีชื่อผู้ผลิตรถยนต์เป็นตัวหนา นอกจากนี้ยังมีการเน้น Code Orange รวมถึงตรา R ที่กระจังหน้า Power Drome และประตูท้าย กราฟิกพิเศษสามารถติดตั้งเข้ากับบังโคลนหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นทะเลทรายที่แตกร้าว
ภายใน Raptor R ได้รับเบาะนั่งมาตรฐาน Recaro หุ้มด้วยหนังสีดำและ Alcantara คาร์บอนไฟเบอร์แท้อยู่ที่ประตู ประตูช่องเก็บของ และส่วนบนของแผงหน้าปัด นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ Infotainment ขนาด 12 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี SYNC 4 ที่สามารถอัปเดตผ่านระบบ Over-The-Air และใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto ได้
ระบบช่วยเหลือและเทคโนโลยีความปลอดภัย จะมาพร้อมกับระบบ Trail Turn Assistและ Ford Trail Control ทำหน้าที่เหมือนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด ขณะที่ Trail 1 Pedal Drive จะทำให้รถมีความเร็วที่ลดลงอัตโนมัติเมื่อคนขับปล่อยเท้าออกจากคันเร่ง
2023 Ford F-150 Raptor R จะถูกสร้างขึ้นที่โรงงาน Dearborn ของ Ford และมีให้เลือกทั้งหมด 8 สี รวมถึง Avalanche และ Azure Grey Tri-Coat ซึ่งมีจำหน่ายเป็นครั้งแรกในหมวดผลิตภัณฑ์ Raptor โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 109,145 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4 ล้านบาทเศษๆ
Credit : www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]