หลังจากการปรับโฉมครั้งใหญ่ของ S-Class และ C-Class ตอนนี้ Mercedes-Benz ได้เปิดตัว E-Class เจนเนอเรชั่นใหม่ (W214) อย่างเป็นทางการแล้ว โดยตัวรถได้ผ่านการอัพเกรดครั้งใหญ่ เพิ่มสัมผัสแห่งเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้กับรถซีดานสุดหรูคันนี้
[adsforwp id=”1302″]
ในด้านรูปลักษณ์ E-Class ใหม่ ยังคงรูปแบบการออกแบบสไตล์ครอบครัว ที่เด่นชัดคือกลุ่มไฟหน้าที่ได้รับการออกแบบใหม่ เชื่อมต่อกับกลุ่มไฟหน้าผ่านขอบสีดำ การออกแบบด้านหน้าชวนให้นึกถึงรถยนต์ไฟฟ้าซีรีส์ EQ โดยเฉพาะกระจังหน้าที่ได้เพิ่มรายละเอียดของกราฟิกรูปดาว ที่กระจายตัวอยู่ทั่วแผงหน้า กลุ่มไฟหน้าใหม่ใช้การออกแบบรูปคลื่นซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นแบบจำลองของรูปทรงที่เรียกว่า “peanut lamp” ที่ให้อารมณ์แบบคลาสสิกผสมสมัยใหม่ ส่วนท้ายของรถใช้การออกแบบไฟท้ายแบบยาวตลอดแนว ที่กำลังเป็นที่นิยม และผนวกเข้ากับงานออกแบบ “three blind stars” ที่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับโมเดลใหม่
[adsforwp id=”1302″]
ตัวรถจะมีตัวเลือกแพ็กเกจรูปลักษณ์ 2 แบบ ประกอบด้วย Exclusive Line ที่จะใช้กระจังหน้าแบบซ่อน และคงโลโก้รูปดาวสามแฉกไว้ และ AMG Line จะติดตั้งอุปกรณ์ที่ส่งเสริมการทำงานของ Aerodynamic ที่มีรูปทรงรุนแรงและดุดันกว่า พื้นฐานของทั้งสองรูปแบบจะตั้งอยู่ขนาดที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า โดยมีความยาว 4,949 มิลลิเมตร ความว้าง 1,880 มิลลิเมตร สูง 1,468 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,961 มิบบิเมตร ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่มีความยาว 4,923 มิลลิเมตร กว้าง 1,852 มิลลิเมตร สูง 1,468 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,939 มิลลิเมตร
อุปกรณ์อื่นๆ ตัวรถจะมาพร้อมกับขนาดล้อมีให้เลือกตั้งแต่ 18 ถึง 21 นิ้ว ที่จับประตูแบบซ่อนเป็นแบบมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์การลากลดลงเหลือ 0.23Cd ขนาดตัวรถขยายใหญ่ขึ้นเพื่อให้พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น และเพิ่มปริมาตรห้องเก็บสัมภาระเป็น 540 ลิตร ภายในห้องโดยสารจะพบกับเทคโนโลยียุคใหม่ที่มาพร้อมกับการปรับโฉมมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ MB.OS และมี MBUX Superscreen ล่าสุดให้ลูกค้าได้เลือก นอกจาก Android Auto & Apple CarPlay แล้ว ผู้โดยสารยังสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพิ่มเติมได้ อีกทั้งยังมีการติดตั้งกล้องภายในห้องโดยสาร ที่ไม่เพียงแต่ใช้บันทึกภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวเท่าน้น แต่ยังสามารถใช้งานเป็นกล้องสำหรับการประชุมทางไกลแบบ Video Call ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ โมเดลใหม่ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G มาพร้อมระบบเสียง Burmester 4D พร้อมลำโพงมากถึง 17 ตัว และยังติดตั้งระบบเสียง Dolby Atmos รวมเข้ากับไฟบรรยากาศภายในรถ แสดงสีและเอฟเฟ็กต์ต่างๆตามจังหวะและอารมณ์ของเสียงดนตรีได้อัตโนมัติ
ในด้านขุมพลัง W214 E-Class ได้เปิดตัวเทคโนโลยีการใช้พลังงานแบบไฮบริด โดยติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ 2.0 ลิตร ควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด พร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 25.4kWh และมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า โดยสามารถวิ่งด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ได้ไกลสูงสุด 100 กิโลเมตร ในขณะที่กลุ่มเครื่องยนต์ดีเซล E220d จะมีการติดตั้งระบบไฮบริด 48V EQ Boost ซึ่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ISG เพิ่มขึ้นเป็น 23 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร
ยังไม่มีการประกาศราคาและกรอบเวลาในการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยสื่อต่างประเทศคาดเดาว่า ตัวรถจะพร้อมสำหรับการจำหน่ายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยจะใช้ตลาดในโซนยุโรปเป็นจุดเริ่มต้น ก่อนที่จะกระจายไปยังส่วนภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าในประเทศไทยเองก็น่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี หรือกลางปี 2024 เป็นอย่างช้า
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก keyauto.my
[adsforwp id=”1302″]