หลังจากสร้างกระแสมาได้พักใหญ่ๆ ล่าสุด BYD ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติจีนก็ได้ออกมาประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ Seagull รถยนต์ EV ราคาประหยัด ซึ่งกลายเป็นกระแสอีกครั้ง ด้วยราคาเปิดตัวที่ต่ำกว่าที่สื่อยานยนต์จากประเทศจีนหลายๆ เจ้าต่างคาดเดากันล่วงหน้าถึง 6%
[adsforwp id=”1302″]
Seagull เป็นรถยนต์ 5 ประตู 4 ที่นั่งที่สร้างขึ้นบน e-platform 3.0 และเป็นหนึ่งในซีรี่ส์ BYD’s Ocean มีขนาดกระทัดรัด ด้วยความยาว 3,780 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,715 มิลลิเมตร ความสูง 1,540 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,500 มิลลิเมตร มีการออกแบบที่เฉียบคมพร้อมเส้นสายที่ทำให้ตัวรถดูพริ้วไหว ตามแบบฉบับของ Ocean series ตัวรถรองรับระบบกุญแจแบบ NFC และความสามารถในการเชื่อมต่อ Bluetooth และมีแอปพลิเคชั่นสำหรับการสั่งการทำงานผ่านระบบสมาร์ทโฟนที่ล้ำสมัย
[adsforwp id=”1302″]
BYD ได้ประกาศว่า Seagull จะมีด้วยกัน 3 รุ่น โดยทั้งสามรุ่นจะมีตัวเลือกระบบส่งกำลังมอเตอร์เดี่ยววางบนเพลาล้อหน้า ให้กำลัง 74 แรงม้า (hp) พร้อมแรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร มีขีดจำกัดความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยความแตกต่างกันของทั้งสามรุ่นจะอยู่ที่ขนาดของแบตเตอรี่และระยะทางที่ตัวรถจะสามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ในรุ่นเริ่มต้น จะใช้ชื่อรุ่นว่า Vitality Edition จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ LFP Blade ขนาด 30.08 kWh รองรับระยะทาง 305 กิโลเมตร จากการทดสอบ CLTC รองรับการชาร์จเร็วขนาด 30-40 kW fast charging ทำให้การชาร์จไฟจาก 30% – 80% ด้วยเวลาเพียง 30 นาที ในขณะที่รุ่นกลางจะใช้ชื่อว่า Free Edition ที่จะใช้แบตเตอรี่ขนาดเดียวกัน คุณสมบัติที่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันที่การตกแต่งและอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยเบื้องต้น ในเกรดสูงสุด Flying Edition จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ LFP Blade ขนาด 38.88 kWH ที่รองรับการวิ่งทำระยะ 405 กิโลเมตร จากการทดสอบ CLTC และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่เท่ากับรุ่น Free Edition
ในส่วนของราคาจำหน่าย BYD Seagull รุ่นเริ่มต้น Vitality Edition จะจำหน่ายในราคา 73,800 หยวน คิดเป็นเงินไทยจะตกอยู่ที่ 364,877 บาท รุ่น Free Edition ราคา 78,800 หยวน หรือราวๆ 389,776 บาท และปิดท้ายด้วยรุ่น Flying Edition จำหน่ายในราคา 89,800 หยวน หรือประมาณ 443,983 บาท ซึ่งนับว่ามีราคาที่ย่อมเยากว่าที่คาดการณ์ไว้ ณ ตอนที่เปิตัวในงาน 2023 Auto Shanghai เมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึง 6%
ในไตรมาสแรกของปี 2023 BYD สามารถขายรถยนต์ EV ได้ 207,080 คัน โดย 30,077 คันมาจาก Dolphin ด้วยการเปิดตัวโมเดลราคาย่อมเยาของ Seagull คาดว่า BYD จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่อายุน้อยกว่า ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการบรรลุเป้าหมายการขายที่ทะเยอทะยานในปีนี้ โดยทาง Wang Chuanfu ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง BYD กล่าวในระหว่างการประชุมนักลงทุนเมื่อเดือนที่แล้วว่า บริษัทจะขายรถยนต์อย่างน้อย 3 ล้านคันในปีนี้ และมีเป้าหมายสูงสุดคือ 3.6 ล้านคัน และดูทีท่าแล้ว มีแววว่ายอดสูงสุดตามที่ตั้งเป้าไว้ จะบรรลุได้อย่างไม่ยากเย็น แม้ว่าล่าสุด บริษัทจะประกาศยุติการผลิตรถยนต์ที่ใช้งานเครื่องยนต์สันดาปล้วนแล้วก็ตาม
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com
[adsforwp id=”1302″]