เมื่อวานนี้เราได้นำเสนอภาพหลุดก่อนการเปิดตัวของ All New Toyota C-HR โฉมใหม่ไป เมื่อหลังจากลงข่าวไปแล้วก็ปรากฏว่า Toyota ก็ได้เปิดตัวรถตัวจริง ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับภาพที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ ถือว่าเหมือนกันอย่างแยกไม่ออกเลยทีเดียว
[adsforwp id=”1302″]
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 Toyota ได้เปิดตัว C-HR เอสยูวีที่มาพร้อมกับสไตล์คูเป้ที่ดูโฉบเฉี่ยว และสร้างกระแสตอบรับในเชิงบวกที่ดีทั้งในตลาดยุโรป และเอเชีย และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางผู้ผลิตก็ได้เปิดตัวรถเจนเนอเรชั่นที่ 2 ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยใช้แนวทางในการออกแบบใหม่ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมา ซึ่งเคยเปิดตัวในฐานะรถยนต์แนวคิด C-HR Prologue ที่นำเสนองานออกแบบใหม่ที่เรียกว่า “Hammerhead”
[adsforwp id=”1302″]
รูปลักษณ์ของตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเพิ่มคุณลักษณะที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของการออกแบบและการใช้งานจริง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงแล้วเห็นได้ถึงจุดนี้ ก็คือ การย้ายตำแหน่งที่เปิดประตูห้องผู้โดยสารแถวที่สอง ที่เดิมทีที่จับจะอยู่ที่กึ่งกลางของเสา C ซึ่งพบว่าการวางตำแหน่งนี้เกิดปัญหาการใช้งานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในครอบครัว ที่มีเด็ก ที่อาจจะไม่สามารถเปิดประตูได้ด้วยตัวเอง เพราะตำแหน่งเปิดอยู่สูงเกินไป ซึ่งทางผู้ผลิตก็รับเอาข้อติชมจากผู้ใช้งานมาปรับใช้บนตัวรถรุ่นใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้ที่เปิดประตูแบบซ่อน โดยวางตำแหน่งปกติ ทำให้สามารถเปิดใช้งานได้สะดวก และง่ายมากกว่าเดิม
ภายในห้องโดยสาร จะมาพร้อมกับหน้าจอ 8.0 นิ้ว สำหรับคนขับ และหน้าจอส่วนกลางขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน พร้อมด้วยระบบกุญแจแบบดิจิตอล ชุดระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่มาพร้อมกับการขับขี่แบบแฮนด์ฟรีในการจราจรติดขัด และฟังก์ชันการจอดรถระยะไกลอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ควบคุมโดยสมาร์ทโฟน
ในแง่ของขุมกำลังนั้น Toyota ได้สร้างระบบส่งกำลังแบบปลั๊กอินสำหรับ C-HR เป็นครั้งแรก PHEV ขับเคลื่อนล้อหน้าผสมผสานเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้ารวม 220 แรงม้า (PS) สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 7.3 วินาที รองรับการขับขี่ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ด้วยระยะทาง 66 กิโลเมตร แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือการติดตั้งระบบ geofencing ซึ่งระบบนี้จะสามารถเปลี่ยนระบบส่งกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปใช้พลังงานไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ เมื่อตัวรถเข้าสู่เขตการปล่อยมลพิษต่ำ ซึ่งเป็นพื้นที่เข้มงวดต่อการปล่อยมลพิษของรถยนต์
ในส่วนของระบบส่งกำลังทางเลือก จะมีรุ่นไฮบริดแบบชาร์จเอง โดยจะติดตั้งเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า 140 แรงม้า (PS) โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 9.9 วินาที ในขณะที่อีกทางเลือกของขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า จะมีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรไฮบริด กำลัง 197 แรงม้า (PS) ซึ่งรุ่น 2.0 ลิตรนี้จะเป็นเพียงรุ่นเดียวที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และระบบ All-paw ที่จะมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 7.9 วินาที
ในขณะที่รุ่นประสิทธิภาพสูง GR Sport Premiere Edition ซึ่งมาพร้อมกับกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ล้อขนาด 20 นิ้ว ตราสัญลักษณ์ GR เบาะนั่งแบบสปอร์ตพร้อมโลโก้ GR และรายการอุปกรณ์มาตรฐานที่อัพเกรดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ Head-up Display และระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมของ JBL ในขณะที่รุ่นสูงสุด High Premiere Edition จะมาพร้อมกับเบาะนั่งหนังแท้ และหลังคาแบบพาโนราม่า
ในส่วนของราคาจำหน่ายเริ่มต้นนั้น All New Toyota C-HR เจนเนอเรชั่นที่ 2 จะมีราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 35,000 ยูโร หรือประมาณ 1.345 ล้านบาท โดยสามารถสั่งจองล่วงหน้าผ่านโชว์รูมและตัวแทนจำหน่าย Toyota ในโซนยุโรปเท่านั้น ส่วนการทำตลาดนอกเหนือจากยุโรป ยังไม่มีการเปิดเผย ณ ตอนนี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]