เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา Subaru ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ได้มีการจัดการบรรยายสรุปผลประกอบการสำหรับไตรมาสแรกของปีงบประมาณซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2024 พร้อมกับมีการเปิดเผยว่า บริษัทจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบของรถ SUV ทั้งหมด 4 รุ่น ภายในปี 2026 และยังมีโมเดล BEV อีกประมาณ 8 รุ่นที่จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2024-2028
[adsforwp id=”1302″]
จากการบรรยายสรุปผลในครั้งนี้ ได้เปิดเผยว่า Subaru มีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นประมาณ 30%แม้ในช่วงวิกฤต COVID-19 บริษัทก็ยังมีผลกำไรที่เป็นบวก โดยมีการผลิตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 18.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี และมีจำนวนการผลิตที่มากถึง 243,000 คันจากทั่วโลก เฉพาะตลาดในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปี 2022 มีเพิ่มขึ้น 17.9% มียอดรวมการผลิต 159,000 คัน ยอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 20.3% ซึ่งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 ถึง มีนาคมของปี 2023 บริษัทจำหน่ายไปราวๆ 236,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อนหน้าถึง 40,000 คัน
[adsforwp id=”1302″]
รายรับจากการดำเนินงานของปีงบประมาณที่ผ่านมา อยู่ที่ 84.5 พันล้านเยน หรือประมาณ 20,673 ล้านบาทมีอัตราเพิ่มขึ้น 128% แม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบและต้นทุนค่าโสหุ้ยที่เพิ่มขึ้น ที่ส่งผลให้ราคาต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นและผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมีส่วนทำให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ แนวโน้มทั้งปีสำหรับปริมาณการผลิตจะสูงถึง 1.01 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 16% จากปีที่แล้ว และรายได้จากการดำเนินงานจะสูงถึง 300,000 ล้านเยน (ประมาณ 72,602 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า
หลังจากการประกาศผลประกอบการ Atsushi Osaki ประธานบริษัทคนใหม่ ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้อธิบายนโยบายภายใต้ระบบใหม่ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และพัฒนาองค์กรให้มีความแข็งแรงท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด ประการแรก เกี่ยวกับการปรับปรุงแผนการใช้พลังงานไฟฟ้า จนถึงปี 2030 รถยนต์ไฮบริด + BEV จะมีสัดส่วนที่ 40% จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมด และจะมีการผลักดัน อัตราส่วนผลิตภัณฑ์ BEV ทั่วโลกเป็น 50% โดยมีเป้าหมายในการจำหน่ายรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลพลังงานจากแบตเตอรี่ให้ได้ 600,000 คัน ภายในปี 2030
นอกจากนี้ การทำตลาดในสหรัฐอเมริกา ยังระบุอย่างชัดเจนว่าจะเริ่มผลิตรถยนต์ e-BOXER และ BEV เจเนอเรชั่นใหม่ที่ใช้ระบบไฮบริดของ Toyota (THS) ภายในปี 2027-2028 โดยจะเริ่มต้นการพัฒนาในปี 2025 เป็นต้นไป และในปีเดียวกันนี้ บริษัทจะเริ่มผลิต BEV ภายในบริษัท โดยตั้งเป้าผลิต 200,000 คันสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานเครื่องยนต์สันดาป+ระบบไฮบริด และอีก 200,000 คันสำหรับรถยนต์ BEV ภายในปี 2025
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก bestcarweb.jp
[adsforwp id=”1302″]