หลังจากการประกาศยกเลิกงาน Tokyo Motor Show 2021 ที่เดิมทีจะจัดขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ต้องยกเลิกการจัดงานไปหลังจากการแพร่กระจายของ Corona-Virus ระลอกใหม่ภายในประเทศ ทำให้บรรดาผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศหลายเจ้าไม่มีเวทีในการเปิดตัวหรือแสดงนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆในช่วงเวลานี้ จนเป็นที่มาของการรวบรวมข่าวสารของรถยนต์จากสามค่ายผู้ผลิตที่พลาดจะเปิดตัวโมเดลใหม่ๆ จากงาน TMS2021 และเราได้รวบรวมไว้ในข่าวนี้ครับ
[adsforwp id=”1302″]
Honda
นับว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักจากสถานการณ์ของโรคระบาดในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยทาง Honda เองประสบปัญหาในการจัดหา Supplier ที่จะเข้ามาช่วยในการผลิตรถยนต์เป็นจำนวนมาก จนส่งผลให้ต้องปิดโรงงานในสหราชอาณาจักร และในสิ้นปีนี้ก็จะปิดโรงงาน Sayama ในประเทศญี่ปุ่นอีกหนึ่งที่ โดยส่วนหนึ่งเป็นไปตามแผนงานที่จะปรับตัวจากการใช้เครื่องยนต์สันดาปไปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ภายในปี 2030
โดยในงาน TMS2021 ที่ผ่านมานั้น จากกำหนดการเดิม Honda เองมีการตั้งใจจะนำเอารถต้นแบบของ EV Pure Sport ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยจะพัฒนาบนแพลตฟอร์ม EV โดยเฉพาะ ไม่ได้เป็นการนำเอาแพลตฟอร์มเดิมของ Honda e ที่เป็นรถพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก มาปรับขนาดมอเตอร์ใหม่ แต่ตัวรถจะอยู่ตรงกลางระหว่าง S2000 และ NSX ซุปเปอร์คาร์ในตำนานของทางค่าย โดยสิ่งเดียวที่จะนำมาจาก Honda e ก็คือระบบขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ซึ่งจะมีการติดตั้งมอเตอร์กำลังขับสูงไว้ที่ชุดเพลาล้อหลัง
Honda Legend
Honda เองมีการประกาศอย่างชัดเจนว่าจะเดินหน้าสู่ผู้ผลิต EV100% ภายในปี 2040 โดยเจ้า EV Pure Sport นั้นตั้งเป้าที่จะเปิดตัวพร้อมจำหน่ายจริงภายในปี 2030 ซึ่งจะสอคคล้องกับนโยบายล่าสุดที่ทางบริษัทได้วางไว้ ส่วนหนึ่งการประกาศปิดโรงงาน Sayama นั้นจะส่งผลกระทบโดยตรงกับสองโมเดลที่ใช้โรงงานนี้เป็นฐานการผลิตหลัก ประกอบไปด้วย Legend และ Odyssey ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าทั้งสองไลน์ผลิตนั้นจะถูกยกเลิกไปเลยหรือไม่อย่างไร
[adsforwp id=”1302″]
Mazda
Mazda 6
เป็นประแสมาพักใหญ่แล้วสำหรับเครื่องยนต์ 6 ลูกสูบแนวตั้งใหม่ของทางค่าย ที่เปิดตัวไปเมื่อราวๆ กลางปีที่ผ่านมา พร้อมกับการประกาศรถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่นใหม่ PHEV อีก 5 รุ่น และตบท้ายด้วยรถยนต์ไฮบริดอีก 5 รุ่น ตั้งแต่ปี 2022-2025 สิ่งที่น่าสนใจคือ “SKYACTIV Internal Combustion Engine Dedicated Scalable Architecture” ที่จัดระบบใหม่ ซึ่งเป็น “กลุ่มใหญ่” ของแพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหลังที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เครื่องยนต์ชุดใหม่
Mazda MX-30
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ไฮบริดที่น่าจะใกล้เคียงในการเปิดตัวที่สุดก็คงไม่พ้น Mazda6 เจนเนอเรชั่นต่อไป ซึ่งจะมีกำหนดวางตลาดในปีหน้า เช่นเดียวกับ CX-5 ที่มีข่าวลือว่ากำลังเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่ จากรถขับหน้า ไปเป็นขับหลัง และมีกำหนดการในการเปิดตัวในปี 2023 เช่นเดียวกับโมเดลอื่นๆของทางค่ายที่มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนการขับเคลื่อนเป็นล้อหลัง เพื่อให้ตัวรถยกระดับสู่ความเป็นพรีเมี่ยมมากขึ้น เช่นเดียวกับยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า MX-30 ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่เป็นแหล่งผลิตพลังงาน ก็จะเปิดตัวในปี 2023 ไล่เลี่ยกับ CX-5
Subaru
พึ่งจะประกาศราคาของโมเดล Roadster ใหม่อย่างเจ้า 2022 BRX ไปในตลาดอเมริกา หลังจากมีการพัฒนาร่วมกับ Toyota มาพักใหญ่ และผลพวงจากความร่วมมือกันในครั้งนี้ก็ต่อเนื่องไปสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในอนาคต ซึ่งไม่น่าแปลกใจถ้าทั้งสองค่ายจะมีรถยนต์ต่างรุ่น ที่มีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน โดยแพลตฟอร์มสำหรับรถพลังงาน EV นั้นได้ชื่อรหัสอย่างเป็นทางการว่า “bz” ซึ่งได้โชว์ตัวต่อหน้าสาธารณะชนไปแล้วในงาน Shanghai Motor Show 2021 ที่ผ่านมา
ด้วยแพลตฟอร์มใหม่นี้ Subaru ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวเจ้ารถยนต์ EV ภายใต้ชื่อ “Solterra” ในปีหน้า และมันจะกลายเป็นพื้นฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจาก Subaru ที่จะมีการนำเอาโมเดลต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักอย่างดีในวงกว้าง มาพัฒนาต่อในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า โดยโมเดลที่ถูกคาดหวังมากที่สุดก็คือ WRX STI และ WRX S4 ในเจนเนอเรชั่นต่อไป
ในปัจจุบันทั้งสองโมเดล กำลังอยู่ในช่วงของการอัพเกรดบางส่วนสำหรับการเตรียมจำหน่ายในปีหน้า โดยยังคงรูปแบบของเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 2.4 ลิตรเทอร์โบ 4 ลูกสูบ Boxer เหมือนเดิม โดยจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเข้ามายุ่งเกี่ยวของมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ โดยตัวรถในรุ่น STI ก็จะมาพร้อมกับกำลังสูงสุดที่มากถึง 400 แรงม้า (HP) และแรงบิดสูงสุด 50 kG-m ระบบกันสะเทือนและโครงสร้างหลักของตัวรถจะถูกอัพเดทใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ได้พละกำลังและประสิทธิภาพการควบคุมที่เหนือชั้น
สำหรับการเปิดตัวของทั้งสองโมเดลจาก Subaru นั้นมีการกำหนดล่วงหน้า โดยจะเปิดด้วย WRX S4 ก่อนในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ และทิ้งช่วงไปราวๆ 10 เดือนสำหรับการเปิดตัว WRX STI ในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ส่วนรุ่นที่เป็น EV 100% นั้นคาดว่าเราจะได้เห็นตัวต้นแบบกันในช่วงปลายปี 2023 เป็นอย่างเร็ว
Credit : bestcarweb.jp
[adsforwp id=”1302″]