กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ได้มีการออกมากล่าวถึงแผนงานของปี 2022 ของบริษัท ว่าจะยังไม่มีการผลักดันโมเดลใหม่เข้าสู่ตลาดภายในปีนี้ โดยประเด็นสำคัญคือการวิจัย เพื่อให้ราคาต้นทุนในการผลิตจริงนั้นต่ำลง เพื่อเปิดทางให้กับผู้บริโภคได้เข้าถึงคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของ Tesla
[adsforwp id=”1302″]
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla เปิดเผยว่า ในปี 2022 นี้ ทางบริษัทจะยังไม่มีการส่งโมเดลใหม่ใดๆ เข้าสู่ตลาด ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมานั้น บริษัทจะมีการเปิดตัว Cybertruck รถปิ๊คอัพพลังงานไฟฟ้า Roadster รถสปอร์ตสายซิ่ง และ Semi รถลากสำหรับงานขนส่ง รวมไปถึง Optimus บอทเอไอที่จะมาแทนที่แรงงานมนุษย์ โดยประเด็นหลักๆ ของการชะลอโครงการทั้งหมดนั้น เกิดจาก ต้นทุนในการพัฒนาที่สูงจนเกินไป และมันจะส่งผลให้มูลค่าในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นั้นพุ่งสูงตาม
Tesla Cybertruck
อีกส่วนหนึ่งของมูลเฟตุ คือเทคโนโลยีบางอย่างยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ที่ยังไม่พร้อมส่งต่อให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะ Cybertruck ที่ทาง Elon Musk เองได้ออกมาทวิตถึงตัวรถหลังจากทดสอบขับขี่ด้วยตัวเองในพื้นที่โรงงาน Gigafactory ในเท็กซัสไว้ว่า “มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายใน Cybertruck ที่จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ มีคำถามว่าต้นทุนเฉลี่ยของ Cybertruck อยู่ที่เท่าไร และระดับไหนที่ไม่แพงขนาดนั้น”
[adsforwp id=”1302″]
Tesla Semi
เมื่อพูดถึงมูลค่าของตัวรถนั้น ย้อนกลับไปในปีที่ผ่านมา Elon Musk เคยพูดไว้ว่า ตัวรถจะมีราคาในการจำหน่ายไม่เกิน 25,000 ดอลล่าร์ (ประมาณ 833,200 บาท) โดยในการประชุมผู้ถือหุ้นล่าสุดนั้น ทางผู้บริหารหนุ่มได้พยายามตอกย้ำแนวคิดที่ว่า Tesla ให้ความสำคัญกับการแนะนำเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองมากกว่าที่จะขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ของรุ่นต่างๆ และการขับรถด้วยตนเองอย่างเต็มรูปแบบจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลกำไรหลักของบริษัท
ทั้งนี้ Elon Musk ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ทุกอย่างดูจืดชืดเมื่อเทียบกับคุณค่าของ Robotaxi หรือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และผมคงจะตกใจมากถ้าเราไม่ประสบความสำเร็จในระบบการขับขี่อัตโนมัติด้วยตัวเองอย่างปลอดภัยกว่าการขับขี่ด้วยมนุษย์จริงๆ”
Teska Roadster
ตลอดปี 2021 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าโลกจะอยู่ในสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 แต่ Tesla เองยังคงผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์เทคโนโลยีสูงไปมากกว่า 1,000,000 คันทั่วโลก และการชะลอผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ของทางบริษัท อาจจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไร ในช่วงเวลานี้ แต่ถ้าปล่อยไว้นานจนเกินไป ก็อาจจะมีคู่แข่งหน้าใหม่ที่เข้ามาเขย่าขาบัลลังก์เจ้าตลาดก็เป็นไปได้
Credit : www.caranddriver.com
[adsforwp id=”1302″]