เปิดศักราชใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์จาก Mercedes-Benz ในกลุ่ม CLA-Class ที่จะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2023 นี้ โดยทางผู้ผลิตได้เผยรายละเอียดเบื้องต้นของตัวรถทั้งสิ้น 3 รุ่น ซึ่งจะแบ่งเป็นรุ่นมาตรฐาน 1 รุ่น และกลุ่ม AMG ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้นอีก 2 รุ่น
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับ Mercedes-Benz CLA 2024 จะเริ่มต้นด้วยรุ่น 250 ที่จะมีแบ่งย่อยออกอีก 2 รุ่นคือรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าหรือ FWD และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับปรุงใหม่ทั้งคู่ โดยจะมีการออกแบบแผงหน้าใหม่ทั้งชุด เช่นเดียวกับกระจังหน้าและตราสัญลักษณ์ของบริษัทตรงกลาง ไฟหน้ารูปทรงใหม่พร้อมกับการติดตั้งกราฟฟิกใหม่ภายในโคม ทำให้ได้พนังที่ว่างและความสวยงามที่มากกว่าเดิม โดยจะมาพร้อมกับไฟ DRL แบบ LED เป็นกรอบภายในโคม ในส่วนด้านหลังจะมาพร้อมกับดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ใหม่
[adsforwp id=”1302″]
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมหน้าจอมาตรฐานขนาด 10.25 นิ้วสำหรับแผงหน้าปัดและจอ Infotainment Display ที่จะมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ MBUX เครื่องเสียงสเตอริโอ Burmester รองรับการทำงานของระบบเสียง Dolby Atmos พวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa ซึ่งจะมีอุปกรณ์เสริมคือพวงมาลัยปรับความร้อนจำหน่ายแยก เช่นเดียวกับวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ที่มีให้เลือกทั้งแบบคาร์บอนสีเข้ม ไม้ลินเดนสีน้ำตาลแบบคลาสสิก หรือไมโครไฟเบอร์สีน้ำตาล ในส่วนของสีสันภายนอกนั้นจะมีตัวเลือกสีใหม่ 2 เฉดสีประกอบด้วย Hyper Blue และ Starling Blue นอกจากนี้ยังมีการออกแบบล้อเพิ่มเติมอีกสามแบบ
ในส่วนของแพ็กเกจช่วยเหลือผู้ขับขี่มาตรฐาน จะมาพร้อมกับชุด Driver Assistance Package ที่ครอบคลุมกล้องมองภาพแบบ 360 องศา และมีการปรับปรุงในเรื่องของการตอบสนองของพวงมาลัยใหม่ เช่นเดียวกับระบบช่วยเหลือในการขับขี่ ทั้งการรักษาช่องทางเดินรถ ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติคงที่ ระบบช่วยเหลือการเบรกก่อนการชน ฯลฯ
ในส่วนของขุมกำลังนั้น เรียกได้ว่าเป็นการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ากับยุคสมัย โดยเจ้า Mercedes-Benz CLA 250 รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 ลูกสูบเรียงเทอร์โบชาร์จแบบ Hybrid ให้กำลัง 221 แรงม้า (HP) ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้าขนาด 48V แบบชาร์จเอง ส่งกำลังด้วยสายพาน ที่ช่วยเพิ่มกำลังอีก 13 แรงม้า (HP) อีกทั้งยังมีการปรับปรุงในจังหวะของการเปลี่ยนระบบส่งกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปไปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่ราบลื่นกว่าเดิม
ในรุ่นประสิทธิภาพ AMG จะมีการนำเสนอ 2 รุ่น ประกอบด้วย 35 และ 45 S โดยรุ่นเริ่มต้นอย่าง 35 นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 ลูกสูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยสายพาน โดยจะให้กำลังสูงสุด 302 แรงม้า เชื่อมต่อกับชุดเกียร์แบบ DCT 8 สปีด ในขณะที่ตัวท๊อปอย่าง 45 S จะใช้ขุมกำลังชุดเดียวกัน แต่จะมีการปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ ทำให้ได้กำลังสูงสุด 416 แรงม้า (HP) ที่มากกว่ารุ่นปัจจุบันที่ทำได้ 382 แรงม้า (HP) โดยมีแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นจากเดิม 480 นิวตันเมตรไปเป็น 500 นิวตันเมตร ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในเวลา 4 วินาที
ยังไม่มีการเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของทั้ง 3 รุ่น โดยทางผู้ผลิตได้เปิดเผยว่าตัวรถจะพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในยุโรปช่วงกลางปี 2023 และในตลาดอเมริกาและทั่วโลกในช่วงปลายปี 2023 และจะพร้อมส่งมอบตัวรถให้กับผู้ซื้อได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 อย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]