อัพเดตใหม่ของ 2022 Mercedes CLS ที่คาดว่าจะเป็นขั้นสุดท้ายของโมเดลพิเศษนี้ในรุ่นสี่ประตู ซึ่งมีการอัพเกรดในส่วนต่างๆ จากโมเดลก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย โดยการทำตลาดนั้นจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดยุโรปและอเมริกาเป็นหลัก ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนลองไปดูพร้อมๆ กันครับ
[adsforwp id=”1302″]
2022 Mercedes CLS มีการปรับเปลี่ยนในส่วนของรูปลักษณ์หน้าตา จากโมเดลก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย ด้วยกระจังหน้าที่ปรับปรุงใหม่และกันชนหน้าที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น โดยที่วงล้อใหม่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ พร้อมกับงานสีพิเศษที่มีเฉพาะในรุ่นนี้ โดยสีใหม่ประจำปี 2022 นั้นจะเป็นสี spectral blue metallicโดยจะจำหน่ายควบคู่กับชุดสีเดิมจากปี 2021 ทั้งสี jupiter red, cashmere white magno และ emerald green
ในส่วนของภายในห้องโดยสารนั้น จะคล้ายๆ กับโมเดลเดิมจากปี 2021 แต่จะมีการเพิ่มเซนเซอร์สองจุดที่บริเวณพวงมาลัย เพื่อตรวจจับมือและการบังคับพวงมาลัยของผู้ขับขี่ สิ่งนี้จะช่วยป้องกันคำเตือนที่ผิดพลาดเมื่อใช้เทคโนโลยีการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ โดยการตกแต่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามานั้น จะมีการเพิ่มการใช้สีสัน brown walnut จับคู่กับสีhigh-gloss grey wood เป็นคู่สีใหม่ภายในห้องโดยสาร เช่นเดียวกับชุดสีเดิมอย่าง neva grey/magma grey และ sienna brown/black upholstery ยังคงมีให้เลือกใช้งานเหมือนโมเดลปี 2021 ทุกประการ
[adsforwp id=”1302″]
ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นมีตัวเลือกพิเศษด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ทั้งพิกัด 1.9 ลิตร สี่ลูกสูบเรียงมาตรฐาน 191 แรงม้า (HP) 400 นิวตันเมตร โดยที่ยังมีตัวเลือกดีเซล 2.0 ลิตร สี่ลูกสูบ 261 แรงม้า (HP) 550 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 325 แรงม้า (HP) 700 นิวตันเมตร
ในส่วนของเครื่องยนต์เบนซินนั้น จะเริ่มต้นที่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 295 แรงม้า (HP( แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร และขยับขึ้นไปที่รุ่น CLS 450 4MATIC ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร หกลูกสูบเรียง 362 แรงม้า 500 นิวตันเมตร และตัวท๊อปสุด CLS 53 4MATIC+ ด้วยเครื่องยนต์หกลูกสูบเรียง 3.0 ลิตร 429 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติเก้าสปีดและระบบขับเคลื่อนแบบ AWD โดยรุ่น CLS 53 4MATIC+ จะมาพร้อมกับความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 4.5 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สำหรับการจำหน่ายของ 2022 Mercedes CLS ทั้ง 6 รุ่นนั้นจะเริ่มทำการตลาดในโซนยุโรปในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ และจะมีการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ ทั่วโลกภายในไตรมาสแรกของปี 2022 โดยต้องมาลุ้นกันว่าประเทศไทยจะได้รับอนิสงส์นี้ด้วยหรือไม่
Credit : www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]