ดูเหมือนว่า Toyota จะเป็นเพียงหนึ่งในผู้ผลิตยานพาหนะ ที่ไม่ได้ลดละความพยายามในการผลักดันนวัตกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายใน แม้ว่าทิศทางของยานพาหนะปัจจุบันกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่การใช้พลังงานใหม่ ที่ปัจจุบันมีแหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าเป็นหลัก
โดยส่วนหนึ่งแล้ว ทิศทางที่ชัดเจนของ Toyota ก่อเกิดมาจากแนวคิดที่ตรงไปตรงมาของผู้บริหาร ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า “EV ไม่ใช่ทางออก” แต่กลับวางแนวทางในการพัฒนายานพาหนะพลังงานใหม่ด้วยทิศทางที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า Toyota เองมีแผนการที่ชัดเจนในการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ควบคู่ไปกับการพัฒนาเครื่องยนต์ไฮบริด ที่มีส่วนร่วมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่อีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้แนวทางของบริษัทชัดเจน คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งมี Gazoo Racing เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบผลิตภัณฑ์ในแนวทางนี้อยู่ และยิ่งเป็นการเปิดจินตนาการให้กับแผนกมากขึ้น เมื่อทางผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ไม่จำกัดความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ ทำให้แนวคิดต่างๆ ได้รับการพิจารณา และบางชิ้นงานก็ถึงขั้นเข้าสู่กระบวนการพัฒนาไปแล้ว
จะสังเกตได้ว่า Toyota พยายามหลีกเลี่ยงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ราคาประหยัด ที่ปัจจุบันมีผู้ผลิตจากประเทศจีนเทความสนใจลงไป แต่ในทางกลับกัน Toyota กลับมองไปที่ตลาดกลุ่มที่เล็กกว่าอย่างผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง ที่แม้ว่าจะมีกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนไม่มาก แต่ผลกำไรของแต่ล่ะผลิตภัณฑ์นั้นก็เอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
Gazoo Racing ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมอเตอร์สปอร์ตและรถสปอร์ตของบริษัทเชื่อว่าเครื่องยนต์สันดาปยังคงมีอนาคตที่สดใส ยังคงมีการลงทุนในเทคโนโลยี ICE ซึ่งจะนำไปใช้กับโมเดลในอนาคตนอกเหนือจาก GR86, GR Yaris, GR Corolla และ GR Supra ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของ Tomoya Takahashi ประธานบริษัท Toyota Gazoo Racing กล่าวกับนิตยสาร Car Expert ของออสเตรเลียว่า ยังไม่มีแผนสำหรับโมเดลประสิทธิภาพสูงที่ใช้พลังงาน EV โดยที่ GR ตั้งใจจะใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในให้มากที่สุด ในอนาคตอาจมีสักครั้งที่เครื่องยนต์ถูกสั่งห้าม แต่เครื่องยนต์สันดาปภายในก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ปัญหาคือคาร์บอนต่างหาก
เห็นได้ชัดว่า Toyota และ Gazoo Racing ไม่ได้มองเครื่องยนต์สันดาปภายในว่าเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ แต่ตัวร้ายที่แท้จริงเกิดจากกระบวนการการทำงานของเครื่องยนต์ ที่สร้างคาร์บอนออกมา ส่งผลให้เกิดปัญหาส่วนใหญ่ต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งทางแก้ไขปัญหาไม่ใช่การเปลี่ยนการเผาไหม้ไปใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานอื่นๆ แต่เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของระบบที่ดีอยู่แล้ว ให้สะอาดมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลที่ยั่งยืนกว่าในอนาคต
แม้ว่าทิศทางของบริษัทจะยังไม่ละทิ้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่บริษัทเองก็ไม่ได้ขวางโลก และมองว่า EV เป็นทางออกที่ผิดแบบ 100% อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมตลาด EV อย่างซีรี่ส์ bZ ที่ปัจจุบันอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายมากนัก แต่บริษัทเอง ก็พยายามนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ในการให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ InsideEVs ของผู้จัดการโครงการของ GR Design Group อย่าง Hideaki Iida ได้เปิดเผยว่า FT-Se อาจจะเข้าสู่การผลิตหลังปี 2026 ซึ่งสิ่งนี้เป็นการเปิดกว้างของบริษัท ที่มองทุกความเป็นไปได้ และผลที่ดีที่สุดต่อองค์กรเองและผู้บริโภค
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com