Toyota ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมาประกาศการผลิตโมเดลสุดท้ายของ Supra A90 “Final Edition” ที่จะมีการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและในต่างประเทศ โดยใช้รูปแบบจำนวนจำกัด เพียง 150 คันเท่านั้น
การประกาศเปิดตัวในครั้งนี้ สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาผู้คิดตามข่าวสารยานยนต์ไม่น้อย เพราะเนื่องจากการเปิดตัวเป็นโมเดลสุดท้ายก่อนจะยุติการผลิตในช่วงปลายปีนี้ แต่ประเด็นที่เล่าลือกันอย่างหนักคือ “ราคา” ที่ถือว่าค่อยข้างแพงเมื่อเทียบกับผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นด้วยกันเอง และยังมีความแพงที่มากกว่าผู้ผลิตจากฝั่งยุโรป ซึ่งตัวรถนั้นมีราคาที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์สมรรถนะที่สูงกว่าด้วยซ้ำไป
Toyota มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ตั้งราคา Supra A90 “Final Edition” แพงขึ้นมาก ไม่เพียงแต่เป็นรุ่นสุดท้ายของรถสปอร์ตรุ่นปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับกำลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงการปรับแต่งฮาร์ดแวร์อื่นๆ โดยจะมีการผลิตรวมๆประมาณ 300 คัน โดยแบ่งการจำหน่าย 150 คันในญี่ปุ่น และอีก 150 คันสำหรับตลาดยุโรป ปัจจัยความพิเศษนี้ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เนื่องด้วยกฎระเบียบการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในยุโรป เพราะเราอาจจะไม่ได้เห็นรถยนต์ในสไตล์นี้อีกเลยหลังจากนี้
ส่วนราคาที่ว่าแพงนักแพงหนานี้ มันเท่าไหร่กันนะ ตามการประกาศโดยผู้ผลิตเอง Toyota Supra A90 “Final Edition” จะมีราคาจำหน่ายในญี่ปุ่นด้วยสนนราคา 15,000,000 เยน หรือประมาณ 3.39 ล้านบาท แต่โครงสร้างราคาที่แสนจะแปลกประหลาดของ Supra A90 ในยุโรปนั้น ในรุ่นมาตรฐานเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร จะมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 63,250 ยูโร หรือประมาณ 2.31 ล้านบาท รุ่น 3.0 ลิตร ราคาเริ่มต้น 73,250 ยูโร หรือราวๆ 2.68 ล้านบาท แต่ในทางกลับกับ “Final Edition” กลับมีราคาจำหน่ายที่พุ่งทะยานถึง 144,000 ยูโร หรือประมาณ 5.28 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงเกือบๆ สองเท่าจากรุ่นมาตรฐานเลยทีเดียว
การกำหนดราคาของ Supra A90 “Final Edition” นั้นกลายเป็นเรื่องที่ทำให้คนถกเถียงอย่างหนัก จนกลายเป็นข้อเปรียบเทียบกันแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยราคจำหน่ายที่ค่อนข้างสูงนี้ ราคาของมันเทียบเท่ากับ BMW M4 Competition xDrive หรือแม้แต่ Lotus Emira ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V-6 ของ Toyota เอง หรือแม้แต่ Porsche 911 Carrera T ที่มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 141,700 ยูโร (5.19 ล้านบาท) หรือจะเทียบกับ Ferrari 458 หรือ Audi R8 ที่มีเครื่องยนต์ V-10 แบบ NA ซึ่งทั้งหมดนี้มีสมรรถนะที่อาจจะสูงกว่าหรือเทียบเท่า แต่ที่แน่ๆ คือทั้งหมดนี้ มีเรทราคาที่ต่ำกว่าอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการปรับปรุง Supra A90 “Final Edition” จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงเครื่องยนต์ B58 แบบ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จที่ได้รับการอัปเกรด ซึ่งตอนนี้ให้กำลัง 429 แรงม้า (hp) เพิ่มขึ้นจากรุ่นมาตรฐานที่ทำได้ 382 แรงม้า (hp) และมีแรงบิดสูงสุด 570 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ทำได้ 500 นิวตันเมตร ไม่เพียงเท่านั้น Toyota เพิ่มระบบเบรกหน้า Brembo ที่ใหญ่ขึ้น ท่อไอเสียไททาเนียม Akrapovič และระบบกันสะเทือน KW ที่ปรับได้ ล้อ Gazoo Racing ขนาด 19 นิ้ว ที่ด้านหน้าและ 20 นิ้วที่ด้านหลัง ติดตั้งยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 ขนาด 265/35Z1R19 ที่ด้านหน้าและ 285/30ZR20 ที่ด้านหลัง
Toyota Supra A90 “Final Edition” ยังมาพร้อมกับชุดแอโรไดนามิกใหม่พร้อมสปอยเลอร์หน้าคาร์บอนไฟเบอร์และปีกนกหลังทรงหงส์ ช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงทำจากวัสดุน้ำหนักเบาชนิดเดียวกันและสามารถถอดออกได้ในระหว่างการแข่งในสนาม เมื่อต้องการระบบระบายความร้อนเพิ่มเติม มีจำหน่ายเฉพาะเกียร์ธรรมดา 6 สปีดเท่านั้น โดยรถรุ่นนี้ได้ติดตั้งซับเฟรมด้านหลังด้วยอะลูมิเนียมของ Supra GT4 นอกจากนี้ยังมีเบาะนั่งบักเก็ต Recaro คาร์บอนไฟเบอร์พร้อมเข็มขัดนิรภัยสีแดงและ Alcantara มากมาย
สุดท้าย Toyota Supra A90 “Final Edition”สเปกนี้จะมีการผลิตคเพียง 300 คันเท่านั้น โดยจะแบ่งการจำหน่ายเป็น 150 คันในประเทศญี่ปุ่น และอีก 150 คันในตลาดยุโรป ส่วนตลาดภูมิภาคอื่นๆ นั้น ยังไม่มีรายงานจากทางผู้ผลิต ว่าจะมีรุ่นที่ใกล้เคียงกันหรือรุ่นเทียบเท่าจำหน่ายหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com