ตลาดรถปิ๊กอัพขนาดกลางในสหรัฐอเมริกา มีการแข่งขันที่สูงมาก เพราะปัจจุบันตลาดมีตัวเลือกที่มากมาย ทั้งเจ้าตลาดอย่าง Ford Ranger, Chevrolet Colorado, GMC Canyon รวมไปถึงผู้ผลิตจากญี่ปุ่นที่พึ่งจะเปิดตัว Nissan Frontier ใหม่ ที่เป็นทางเลือกที่แตกต่างในตลาด และล่าสุดดูเหมือนว่าตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคจะมากขึ้นไปอีก เมื่อ Toyota ได้เปิดตัว Tacoma รุ่นใหม่สำหรับปี 2024 ที่มาพร้อมกับขุมกำลังไฮบริด และรูปแบบการตั้งค่าที่เหมาะสมกับการใช้งานในเชิงออฟโรดที่สูงกว่า
[adsforwp id=”1302″]
เป็นเวลากว่า 30 ปี แล้วสำหรับการทำตลาด Tacoma ในสหรัฐอเมริกา และถึงแม้จะเป็นดีไซน์ที่เก่าแก่ที่สุดในระดับเดียวกัน แต่ตัวรถก็ได้รับความนิยมสูงสุดรุ่นหนึ่งของบริษัท โดยปี 2022 ที่ผ่านมา Toyota USA จำหน่าย Tacoma มากถึง 230,000 คัน และมีแนวโน้มว่าตัวรถจะยังรักษายอดการจำหน่ายที่สูงนี้ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวรถใหม่สำหรับการทำตลาดในปีหน้า
[adsforwp id=”1302″]
สิ่งที่ดึดดูดความสนใจของผู้บริโภคมากที่สุดของ Toyota Tacoma คือเครื่องยนต์ที่มีความแตกต่างสูงที่สุด โดยในรุ่นพื้นฐาน SR จะมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์สี่สูบ 2.4 ลิตรเทอร์โบชาร์จใหม่ที่ให้กำลัง 228 แรงม้าและแรงบิด 243 Ib-Ft จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแปดสปีดมาตรฐาน ขยับมาในรุ่นกลาง SR5 จะเป็นพื้นฐานเดียวกับรุ่น SR แต่จะมีการปรับจูนเครื่องยนต์ให้มีกำลัง 270 แรงม้าและ 310 Ib-Ft พร้อมกับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีดมาตรฐาน โดยมีตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่เพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นไป 278 แรงม้า และ 317 Ib-Ft
ในขณะที่รุ่นท๊อปสูงสุดของ Tacoma รุ่นใหม่ จะนำเสนอเครื่องยนต์ไฮบริด I-Force Max 2.4 ลิตรเทอร์โบ ที่ยกชุดมาจาก Tundra ที่เป็นปิ๊กอัพแบบ Full-Size ที่ให้กำลังสูงสุด 326 แรงม้า และ 465 Ib-Ft และยังมาพร้อมกับการนำเสนอระบบส่งกำลังแบบไฮบริดเป็นครั้งแรก โดยติดตั้งมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า 48 แรงม้า และแบตเตอรี่ขนาด 1.9 kWh ซึ่งผลรวม กำลังของตัวรถนั้นตกเป็นรองเพียง Ford Ranger Raptor ที่มีกำลังสูงสุด 405 แรงม้า ในขนาดรถปิ๊กอัพในระดับเดียวกัน
ระบบขับเคลื่อนล้อหลังยังคงเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่น SR และ SR5 แต่ตอนนี้มาพร้อมกับเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเพิ่มกล่องเกียร์สองความเร็วที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์พร้อมเกียร์ช่วงสูงและต่ำ รวมถึงระบบ Active Traction Control ที่ได้รับการอัพเกรดพร้อมส่วนต่างลิมิเต็ดสลิป ในขณะที่รุ่นท๊อปจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อฟูลไทม์พร้อมเฟืองท้ายแบบล็อกกลาง
Tacoma ใหม่เลือกใช้รูปลักษณ์ที่สวยงามกว่าคู่แข่งบางราย ไฟหน้าทรงเพรียวประดับกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศ ที่ไหลลงสู่กระจังหน้าด้านล่าง TRD Sport ใช้กระจังหน้าสีดำเรียบง่ายพร้อมตรา Toyota ตรงกลาง ในขณะที่รุ่น Limited หรูหราใช้ตรา Toyota เดียวกันแต่ตอนนี้ตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมแถบโครเมียมแนวนอนและล้อโครเมียมที่เข้าชุดกัน
รุ่น TRD Pro และรุ่น Trailhunter สำหรับการใช้งานออฟโรดนั้นใช้เครื่องหมาย”TOYOTA” แบบย้อนยุคบนกระจังหน้า และทั้งสองรุ่นยังให้ภาพลักษณ์ที่สมบุกสมบันเพิ่มเติม เช่น แผ่นกันกระแทกด้านหน้า ไฟวิ่ง LED แนวนอน และคอมโบล้อและยางอันเป็นเอกลักษณ์ที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด TRD Pro มีล้อสีดำขนาด 18 นิ้วที่หุ้มด้วยยาง Goodyear off-road ขนาด 33 นิ้ว ขณะที่ Trailhunter จับคู่ล้อสีบรอนซ์ขนาด 18 นิ้วที่ไม่เหมือนใครกับยางแบบเดียวกัน
Tacoma รุ่นใหม่ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม TNGA-F ใช้เหล็กที่มีความแข็งแรงสูงทั่วทั้งแชสซีเพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่งและอลูมิเนียมที่ส่วนบนของตัวถังเพื่อช่วยลดน้ำหนัก ระบบกันสะเทือนหลังแบบสปริงแหนบจากรุ่นที่แล้วถูกเปลี่ยนเป็นแบบมัลติลิงค์ สำหรับการตั้งค่าคอยล์ใหม่ใน SR5 ดับเบิ้ลแค็บและในรุ่น TRD Sport ขึ้นไป พร้อมระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งเฉพาะสำหรับแต่ละรุ่น TRD Pro ยังคงมีอุปกรณ์ที่แกร่งที่สุดในกลุ่มด้วยโช้กมาตรฐานของ Fox ในขณะที่รุ่น TRD Off-Road ใช้โช้คBilstein แบบเดียวกับปีที่แล้ว และ TRD Sport มีโช้ค TRD ที่ปรับแต่งพิเศษเพื่อให้สัมผัสบนถนนที่ดีขึ้น
อุปกรณ์มาตรฐานภายในห้องโดยสารของตัวรถรุ่นใหม่นั้น จะมาพร้อมกับ หน้าจอสัมผัสขนาด 8.0 นิ้ว และมีตัวเลือกหน้าจอใหญ่สุดที่ 14 นิ้ว ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่น Limited, TRD Pro และ Trailhunter จอแสดงผลทั้งสองใช้อินเทอร์เฟซระบบสาระบันเทิงที่ยอดเยี่ยมของ Toyota ซึ่งเปิดตัวใน Tundra ซึ่งมาพร้อมกับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto ที่รองรับ เช่นเดียวกับการชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Qi และตัวเลือกลำโพง JBL Bluetooth แบบถอดได้นั้นมีให้พร้อมกับการอัพเกรดเสียง JBL 10 ลำโพง ในขณะที่แผงหน้าปัดส่วนคนขับขนาด 7 นิ้ว จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รองรับขนาดใหญ่สุด 12.3 นิ้ว
Toyota Safety Sense 3.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานใน Tacoma ทุกรุ่นในปี 2024 โดยมีระบบช่วยเหลือที่อัดแน่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ pre-collision with pedestrian detection, lane-departure alert with steering assist, full-speed adaptive cruise control, lane tracing assist, road sign assist, automatic high-beam headlights, หรือจะเป็นระบบ Proactive Driving ที่เพิ่มเข้ามาในตัวรถรุ่นใหม่
ระบบ Proactive Driving ใหม่นั้นจะผสมผสานการทำงานระหว่างกล้องและระบบเรดาร์ที่ติดตั้งบนตัวรถเพื่อสร้างรูปแบบขั้นสูงของระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ โดยให้การเบรก คันเร่ง และการบังคับเลี้ยวแม้บนถนนที่คดเคี้ยว และเป็นการเปิดตัวครั้งแรกบนผลิตภัณฑ์ของบริษัทอีกด้วย
ฟังก์ชั่นโหมดการขับขี่แบบ Multi-Terrain Select ขยายไปถึง 4WD High และ 4WD Low โดยสามารถปรับโหมดได้สามโหมดทันที Mud, Dirt, และ Sand อีกทั้งยังมีการปรับปรุงฟังก์ชัน Crawl Control ซึ่งเป็นระบบควบคุมความเร็วคงที่สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดนั้นเงียบกว่าปีที่แล้วและมาพร้อมกับความเร็วที่ปรับได้ 5 ระดับ นอกจากนี้ Toyota ได้พัฒนาเบาะนั่ง IsoDynamic Performance Seat ที่ใช้โช้คอัพในตัวเพื่อช่วยลดการเคลื่อนไหวของร่างกายและทำให้ศีรษะและคอของผู้ขับขี่ในรูปแบบออฟโรดให้มั่นคงกว่าเดิมอีกด้วย
ยังไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Toyota Tacoma ปี 2024 บริษัทกล่าวว่าจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเมื่อใกล้ถึงวันวางจำหน่าย คาดว่า Tacoma ใหม่จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับตลาดอเมริกาเหนือในช่วงปลายไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 นี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]