ถือว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยมอยู่เสมอ กับ Toyota Yaris รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ที่ปัจจุบันได้รับการอัพเดทด้วยขุมกำลังไฮบริดที่ทรงพลัง และการปรับปรุงในเรื่องระบบความปลอดภัยให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
[adsforwp id=”1302″]
โดยที่ตัวรถ Toyota Yaris นั้นถูกเปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1999 โดยเจนเนอเรชั่นล่าสุดจะเป็นรุ่นที่ 4 ที่มีการอัพเดทครั้งใหญ่ในปี 2020 และมีรุ่นไมเนอร์เชนจ์เปลี่ยนนั้นนี่โน้นเมื่อปี 2022 พร้อมกับการแยกไลน์การผลิต GR Yaris ออกมา ซึ่งในภาพรวมของไลน์ผลิตภัณฑ์ Yaris นั้นสร้างยอดการจำหน่ายให้กับบริษัท ไปมากกว่า 10 ล้านคันทั่วโลกแล้ว
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับการอัพเดทล่าสุดเกิดขึ้นในตลาดยุโรป เริ่มต้นด้วยระบบขับเคลื่อน “Hybrid 130” ใหม่ ซึ่งนำเสนอเพิ่มเติมจากการกำหนดค่า Hybrid 115 ที่มีอยู่ ระบบไฮบริดทั้งสอง จะใช้งานเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เหมือนกัน แต่ไฮบริด 130 ใหม่นั้นจะมีเพลาส่งกำลังใหม่พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นและซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งส่งผลให้กำลังสูงสุดของตัวรถจะเพิ่มขึ้นเป็น 130 แรงม้า (BHP) ตามชื่อรุ่นในขณะที่แรงบิดของมอเตอร์ใหม่เปลี่ยนจากแรงบิด 141 นิวตันเมตร เป็น 185 นิวตันเมตร ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการออกตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า
ทางด้านผู้ผลิตได้กล่าวว่าข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของรถไฮบริดรุ่นใหม่จะสัมผัสได้จากอัตราเร่งที่ดีขึ้น โดยอัตราเร่งของเครื่องยนต์ชุดก่อนหน้า จาก 0-50 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในเวลา 7.5 วินาที ซึ่งในระยะเวลาที่เท่ากันนี้ เครื่องยนต์รุ่นใหม่ จะทำความเร็วแตะ 75 ไมล์ต่อชั่วโมง (120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยประมาณ) คิดเป็นอัตราส่วนของอัตราเร่งที่ดีขึ้นประมาณ 30%
ในขณะที่เรื่องของการปล่อยไอเสียนั้น เครื่องยนต์ไฮบริด 130 จะมีอัตราการปล่อย CO2 ที่มากกว่าเครื่องยนต์ไฮบริด 115 เพียงเล็กน้อย ซึ่งทางผู้ผลิตได้บอกไว้ว่า ตัวรถรุ่นใหม่ยังคงรักษาสถานะที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันที่ 96–116 g/km ซึ่งทั้งระบบขับเคลื่อนไฮบริด 115 รุ่นเก่าและไฮบริด 130 ใหม่จะมีจำหน่ายควบคู่กันไปในตลาด แต่เกรด Premiere Edition และ GR Sport จะมีจำหน่ายเฉพาะในเครื่องยนต์ไฮบริด 130 เท่านั้น โดยที่รุ่น Premiere Edition เป็นข้อเสนอใหม่ที่อยู่ในอันดับท๊อปของกลุ่มผลิตภัณฑ์มาพร้อมตัวเลือกสีพิเศษอย่าง Neptune Blue พร้อมหลังคาและเสาสีดำที่ตัดกัน ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และการเย็บและเน้นสีน้ำเงินที่เข้าชุดกันในห้องโดยสาร
นอกเหนือไปจากการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่แล้ว Toyota ยังมีการปรับปรุงเรื่องระดับของชุดความปลอดภัยมาตรฐาน ทั้งแบบ active และ passive โดยแนะนำคุณสมบัติใหม่ภายใต้ชื่อ Toyota T-Mate โดยจะรวมไปถึงการอัพเกรดระบบตรวจจับการชนของรถยนต์ โดยสามารถตรวจจับรถจักรยานยนต์ จักรยาน รวมไปถึงคนเดินถนน และสิ่งของที่เคลื่อนที่เข้าใกล้ตัวรถด้วยความเร็วผิดปกติ
และทางค่ายยังได้มีการนำเสนอระบบช่วยเหลือใหม่อย่าง Acceleration Suppression At Low Speed ที่ช่วยป้องกันการเร่งความเร็วผิดปกติในรอบต่ำ อธิบายง่ายๆ คือป้องกันการกระแทกคันเร่ง และยังมีความสามารถในการตัดกำลังจากคันเร่งเมื่อตัวรถตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหน้า นอกจากนี้ยังมีระบบ Emergency Driving Stop System ระบบหยุดการขับขี่ฉุกเฉินใหม่ ซึ่งจะเปิดใช้งานร่วมกับระบบ Lane Trace Assist โดยจะทำการตรวจสอบการผิดปกติของการรักษาช่องทางเดินรถ หากตัวระบบตรวจเจอความผิดปกติ ระบบจะส่งเสียงเตือน และหากยังไม่สามารถกลับเข้าสู่ช่องทางเดินรถปกติได้ ระบบจะทำการหยุดเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉิน และปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เพื่อให้ทีมช่วยเหลือสามารถช่วยเหลือผู้ขับได้ง่ายดายกว่าเดิม
ส่วนทางด้านเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ ยังไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ยังมีระบบ Proactive Driving Assist ใหม่ ที่จะทำให้รถช้าลงหากคนขับถอนคันเร่งและตรวจพบว่ามีรถหรือทางโค้งอยู่ข้างหน้าหากยังไม่เพียงพอ ระบบช่วยบังคับเลี้ยวของรถจะปรับแรงบังคับเลี้ยว ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเลี้ยวได้อย่างนุ่มนวลและมั่นคงมากขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าระบบใหม่นี้จะเอื้อต่อการใช้งานในระดับที่สูงขึ้น และอาจจะเป็นตัวเลือกเสริมที่ต้องจ่ายเพิ่มภายหลัง
และในส่วนของการอัพเดตซอฟแวร์ Safety Sense Toyota Yaris ปี 2023 ใหม่นั้น จะมีคุณสมบัติในการอัพเดตระบบผ่านระบบ OTA (over the air) ซึ่งเป็นครั้งแรกในการอัพเดตระบบใหม่ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเข้าสู่ศูนย์บริการ โดยระบบจะมีการแจ้งเตือนการอัพเดทผ่านหน้าจอ Infotainment ใหม่ ขนาด 9 นิ้ว และ 10.5 นิ้ว โดยสามารถรองรับหน้าจอใหญ่สุดที่ 12.3 นิ้ว ขึ้นอยู่กับเกรดของตัวรถและการซื้อเพิ่มของผู้บริโภค
บนหน้าจอ Infotainment ใหม่นี้ จะมีฟังก์ชั่น Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto แบบไร้สาย และ Toyota ได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์การจดจำเสียงขึ้นมาใหม่ ให้สามารถตอบสนองต่อคำสั่งต่างๆ สำหรับฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น ระบบควบคุมสภาพอากาศ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
โดย Toyota Yaris ปี 2023 จะมาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ digital smart key ที่สามารถใช้โทรศัพท์ Apple หรือ Android เพื่อล็อกหรือปลดล็อกรถจากระยะไกลและสั่งงานระบบควบคุมสภาพอากาศและไฟฉุกเฉินอย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันนี้จะมีให้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้สมัครใช้บริการแบบรายปี โดยเกรด Premiere Edition จะอนุญาตให้ใช้ระบบใหม่นี้เป็นเวลา 1 ปีแบบฟรีๆ
ซึ่งเราสามารถเรียกได้ว่า ตัวรถมีการอัพเดทมากมาย ซึ่งก็น่าจะตามมาด้วยราคาที่น่าจะสูงขึ้น อย่างไรก็ดีทางผู้ผลิตยังไม่มีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการ แต่บอกใบ้ไว้ว่าตัวรถจะพร้อมกับการเปิดสั่งจองล่วงหน้าในตลาดยุโรปช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ และคาดว่าช่วงเวลาที่เหลือ จะมีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการออกมา ส่วนตลาดในภูมิภาคอื่นๆ นั้นคงต้องรอกันอีกพักใหญ่ๆ เลยครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]