Honda ได้เปิดตัวระบบ Autonomous Driving Level 3 ที่เป็นฟังก์ชั่นที่พร้อมใช้งานบนโมเดล Honda Legend รุ่นปี 2020 ซึ่งเป็นระบบขับขี่ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ โดยมีฟังก์ชั่นใหม่อย่าง “Traffic Jam Pilot” ซึ่งดูเหมือนว่าระบบนี้จะเป็นสิ่งใหม่ และเป็นการพัฒนาที่ก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Honda โดยในบทความนี้เราจะมาดูการทำงานและความปลอดภัยของระบบนี้กันครับ
[adsforwp id=”1302″]
Kunimichi Hatano ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสำนักงาน AD / ADAS R & D ของ Honda R & D และ Advanced Technology Research Institute ซึ่งพัฒนา Traffic Jam Pilot กล่าวว่า “มันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ครั้งแรกของโลก” จากข้อมูลของ Mr. Hatano ทางแผนกเริ่มการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นในปี 2014 ในระดับการขับเคลื่อนเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบของการขับขี่อัตโนมัติ ต่อมาในปี 2017 ดูเหมือนว่าการพัฒนาระบบนี้จะเริ่มประสบความสำเร็จ โดยเป็นระดับ Level 1 ซึ่งทางผู้พัฒนาได้กล่าวไว้ว่า “ในช่วงเวลานี้ทีมพัฒนาพบเจอปัญหาใหม่ๆ ตลอดเวลา และเราก็แก้ไขมันไปทีล่ะข้อๆ จนกระทั่งเราสามารถแก้ไขปัญหาได้เกือบทั้งหมด”
ท่ามกลางการปรับปรุงเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติสำหรับอนาคต ผู้ผลิตจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจเทคโนโลยีที่เรามีในเวลาที่เหมาะสมและจากนั้นเราจะปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในฐานะหนึ่งในระบบที่ยอดเยี่ยมที่สุด เราได้ตัดสินใจเลือก Traffic Jam Pilot ในครั้งนี้มันจะถูกนำไปใช้จริงในราวปี 2020 ตามที่แสดงไว้ในแผนของ Honda และแผนงานแนวคิด ITS ของภาครัฐและเอกชน
[adsforwp id=”1302″]
ตามชื่อที่แนะนำ Traffic Jam Pilot ของ Honda มีฟังก์ชั่นที่ช่วยให้ระบบทำงานในนามของผู้ขับขี่ในระหว่างการจราจรที่หนาแน่น อธิบายได้ง่ายๆว่าเจ้าระบบนี้เป็นกลไกที่ติดตามรถคันข้างหน้าโดยอัตโนมัติ โดยที่ระบบจะเริ่มทำงานเมื่อมีการจราจรติดขัด ด้วยเกณฑ์การบังคับที่ความเร็วคงที่ไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะเปิดใช้งานระบบนี้ได้ก็ต่อเมื่อตัวรถตรวจสอบว่ารถนั้นอยู่บนทางหลวงสายหลักเท่านั้น และตัวระบบจะติดตามรถคันข้างหน้าได้ แต่จะต้องอยู่ในช่องทางเดินรถเดียวกัน หากมีการเปลี่ยนเลนเดินรถ ระบบจะตัดการทำงานเองอัตโนมัติ
ระบบขับเองอัตโนมัตินี้เป็นพื้นฐานการพัฒนาระบบต่างๆ ต่อไป รวมไปถึงผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ ที่นำเอาข้อมูลและการวิจัยบางส่วนมาปรับใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ของตนเอง อย่างที่เราเห็นกันว่า Nissan เองก็มีระบบ ProPilot 2.0 หรือ Subaru ที่มีระบบ EyeSight X ซึ่งทั้งสองระบบจากสองผู้ผลิตนั้นยังคงอยู่ในระดับ Level 2 เท่านั้น ซึ่งเทียบกับ Traffic Jam Pilot ของ Honda ที่อยู่ใน Level 3 ก็ถือว่ายังมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร
โดยส่วนหนึ่งนั้น Traffic Jam Pilot ของ Honda เองให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายกว่าสำหรับผู้ขับขี่ โดยที่ผู้ขับขี่เองจะไม่ต้องจ้องหรือตั้งสมาธิไปบนท้องถนนหากระบบนี้เปิดใช้งาน โดยสามารถก้มลงมาเช็กโทรศัพท์ ดูหน้าจอสาระบันเทิงหรือทำอย่างอื่นๆ ได้อย่างอิสระ ขอเพียงแค่ไม่ลุกออกไปจากเก้าอี้คนขับเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจาก Level 2 ที่ถึงแม้ว่าระบบจะขับเองอัตโนมัติ จะมีระบบตรวจสอบความสนใจของผู้ขับขี่ หากละลายตาหรือว่าขาดสมาธิในการขับขี่ระบบจะตัดการทำงานในทันที ซึ่งมันค่อนข้างแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
แล้วแบบนี้ อย่างไหนปลอดภัยกว่ากัน แม้แต่ผู้พัฒนาเองยังบอกว่า “สิ่งที่ยากที่สุดคือการแสดงให้เห็นว่า มีความปลอดภัย” โดยส่วนหนึ่งคำว่า “ความปลอดภัย” นั้นแต่ล่ะคนมีคำกำกัดความที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้รายละเอียดมากขึ้นสิ่งสำคัญคือต้องสร้างสถานะที่ไม่มีความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ ทางผู้พัฒนาจึงได้ใส่ระบบคำนวนความเป็นไปได้ล่วงหน้าเข้ามาเป็นตัวช่วย โดยทาง Mr. Hatano ได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาไว้ว่า
“ทีมผู้พัฒนาให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและคำนึงถึงการสร้างความมั่นใจ เราใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่นเรดาร์และการตรวจจับผู้ขับขี่ เราได้ติดตั้งเซ็นเซอร์หลายตัวอย่างแน่นหนาเราได้ตั้งค่ากลไกเพื่อรักษาฟังก์ชั่นให้ได้มากที่สุดแม้ ในเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้น อุปกรณ์หลายชิ้นได้รับการติดตั้งสำหรับการวิ่งทางตรง ทางเลี้ยว และการหยุดเพื่อให้สามารถรักษาการทำงานได้ นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาเพื่อป้องกันระบบบังคับเลี้ยวและระบบเบรกรวมไปถึงกลไกควบคุมระบบทั้งหมด ที่ป้องกันการเสียหายของระบบ ซึ่งทางทีมคิดว่าการครอบคลุมเหล่านี้จะช่วยแสดงออกได้ถึงความปลอดภัยขั้นสูงสุด”
ไม่เพียงเท่านี้ทางผู้พัฒนากำลังทำการพัฒนาระบบช่วยเปลี่ยนเลนท์อัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ใช้งานนั้นมีความสะดวกสบาย และผ่อนคลายในสถาณการณ์ที่การจารจรติดขัดและชะลอตัว โดยทาง Mr.Hatano ได้กล่าวเสริมไว้ว่า “ขั้นตอนต่อไปคือการขยายพื้นที่ความสามารถของระบบ เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับสูง ที่สามารถเพิ่มความเร็วของระบบ”
Honda จะนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ ไปจัดแสดงในงาน Tokyo Big Sight ในวันที่ 20 มกราคมที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าจะมีการสาธิตการทำงานของระบบ Level3 อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเผยรายละเอียดบางส่วนในการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติระดับสูงรุ่นต่อไปอีกด้วย
Credit : response.jp
[adsforwp id=”1302″]